พระราชบัญญัติ วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ (สรุป)
พระราชบัญญัติ
วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖
พระราชบัญญัติ
วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖
ในหลวง ร.๙
ทรงลงพระปรมาภิไธย ณ วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
วันที่๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
มีผลบังคับใช้ในวันถัดไปคือ
วันที่๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
“การแพทย์แผนไทย” หมายความว่า กระบวนการทางการแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ
วินิจฉัย บําบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์
การผดุงครรภ์ การนวดไทย และให้หมายความรวมถึง การเตรียมการผลิตยาแผนไทย
และการประดิษฐ์อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ทั้งนี้
โดยอาศัยความรู้หรือตําราที่ได้ถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมา
“วิชาชีพการแพทย์แผนไทย” หมายความว่า
วิชาชีพที่เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
และการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
“การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย” หมายความว่า การประกอบวิชาชีพที่กระทําหรือ
มุ่งหมายจะกระทําต่อมนุษย์ เกี่ยวกับการแนะนํา การตรวจโรค การวินิจฉัยโรค
การบําบัดโรค การรักษาโรค การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ
โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การผดุงครรภ์ไทย การนวดไทย
การแพทย์พื้นบ้านไทย และองค์ความรู้ด้านอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
โดยคําแนะนําของคณะกรรมการ ทั้งนี้
ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยซึ่งถ่ายทอดหรือพัฒนาสืบต่อกันมา
ตามตําราการแพทย์แผนไทยหรือจากสถานศึกษาที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง
“การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์”
หมายความว่า การประกอบวิชาชีพ การแพทย์แผนไทย
โดยอาศัยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ซึ่งศึกษาจากสถานศึกษา
ที่สภาการแพทยแผนไทยรับรอง
รวมทั้งการประยุกต์ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งนี้
ตามระเบียบและข้อบังคับของสภาการแพทย์แผนไทย
“กรรมวิธีการแพทย์แผนไทย” หมายความว่า
กรรมวิธีที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนไทย ที่สภาการแพทย์แผนไทยกําหนดหรือรับรอง
แล้วแต่กรณี
“เวชกรรมไทย” หมายความว่า การตรวจ
การวินิจฉัย การบําบัด การรักษา การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงการผดุงครรภ์ไทย
เภสัชกรรมไทย และการนวดไทย ทั้งนี้ ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย
“เภสัชกรรมไทย” หมายความว่า
การกระทําในการเตรียมยา การผลิตยา การประดิษฐ์ยา การเลือกสรรยา
การควบคุมและการประกันคุณภาพยา การปรุงยาและการจ่ายยาตามใบสั่งยาของ
ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์และการจัดจําหน่ายยา
ตามกฎหมายว่าด้วยยา ทั้งนี้ ด้วยกรรมวธิีการแพทย์แผนไทย
“การผดุงครรภ์ไทย” หมายความว่า การตรวจ การวินิจฉัย
การบําบัด การรักษา การส่งเสริมสุขภาพหญิงมีครรภ์
การป้องกันความผิดปกติในระยะตั้งครรภ์และระยะคลอด การทําคลอด การดูแล
การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพมารดาและทารกในระยะหลังคลอด ทั้งนี้ ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย
“การนวดไทย” หมายความว่า การตรวจ การวินิจฉัย
การบําบัด การรักษา การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ
โดยใช้องค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปะการนวดไทย ทั้งนี้ ด้วยกรรมวิธี การแพทย์แผนไทย
“การแพทย์พื้นบ้านไทย” หมายความว่า
การตรวจ การวินิจฉัย การบําบัด การรักษา การป้องกันโรค
การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ โดยใช้องค์ความรู้ซึ่งสืบทอดกันมาในชุมชนท้องถิ่น
ทั้งนี้ ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทย
“ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยจากสภาการแพทย์แผนไทย
“ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนและ
รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์จากสภาการแพทย์แผนไทย
“ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือ
ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ของสภาการแพทย์แผนไทย
“สมาชิก” หมายความว่า
สมาชิกสภาการแพทย์แผนไทย
“กรรมการ” หมายความว่า
กรรมการสภาการแพทย์แผนไทย
“คณะกรรมการ”
หมายความว่า คณะกรรมการสภาการแพทย์แผนไทย
“เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า
ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข)
การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ได้แก่ การประกอบวิชาชีพด้านเวชกรรมไทย
เภสัชกรรมไทย การผดุงครรภ์ไทย การนวดไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย
หรือการแพทย์แผนไทยประเภทอื่น ตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการ
สภาการแพทย์แผนไทยเป็นนิติบุคคล
สภาการแพทย์แผนไทย
มีวัตถุประสงค์๘ข้อดังต่อไปนี้
๑
ส่งเสริมการศึกษา การพัฒนา การวิจัย การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และ
การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
๒. ควบคุม
กํากับ ดูแล และกําหนดมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
และผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
๓.
ควบคุมความประพฤติ จริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและผู้ประกอบวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทยประยุกต์ ให้เป็นไปตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
๔. ช่วยเหลือ แนะนํา
เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับ
การแพทย์แผนไทย
๕.
ให้คําปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
๖.
ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก
๗
.ผดุงไว้ซึ่งสิทธิ ความเป็นธรรม และส่งเสริมสวัสดิการให้แก่สมาชิก
๘.
เป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ประยุกต์ของประเทศไทย
สภาการแพทย์แผนไทย
มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๙ข้อ)
๑.
รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และ
ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
๒.
ออกคําสั่งตามมาตรา ๔๕
๓. รับรองปริญญา
ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยของสถาบันต่าง ๆ
เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก
๔.
รับรองหลักสูตรสําหรับการฝึกอบรมเป็นผู้ชํานาญการในด้านต่างๆ
ของวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ของสถาบันที่ทําการฝึกอบรมดังกล่าว
๕.รับรองวิทยฐานะของสถาบันที่ทําการฝึกอบรมใน
ข้อ๔
๖.
ออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
และการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
และออกหนังสือแสดงวุฒิอื่นในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
๗.จัดทําแผนการดําเนินงานและรายงานผลการดําเนินงานเสนอต่อสภานายกพิเศษอย่างน้อยปีละครั้ง
๘.
ดําเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสภาการแพทย์แผนไทย
๙. บริหารกิจการใด
ๆ ตามวัตถุประสงค์ และอํานาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ตลอดจน กิจการใด ๆ
ของสภาการแพทย์แผนไทย
รายได้ของสภาการแพทย์แผนไทย
(มี๕ข้อ)
๑.
เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน
๒.
ค่าจดทะเบียนสมาชิก ค่าบํารุง และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
๓.
ผลประโยชน์ที่ได้จากการจัดการทรัพย์สินและกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ที่กําหนดในมาตรา
๘
๔.
เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้ให้แก่สภาการแพทย์แผนไทย
๕.
ดอกผลของเงินและทรัพย์สินตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔)
รัฐมนตรีสาธารณสุขดํารงตําแหน่งสภานายกพิเศษแห่งสภาการแพทย์แผนไทย
สมาชิกสภาการแพทย์แผนไทย
ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
ดังต่อไปนี้
๑.
มีอายุไม่ต่ํากว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
๒.
มีความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยดังต่อไปนี้
(ก)
ได้รับการฝึกอบรมจากสถาบันหรือสถานพยาบาลที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง
โดยมีผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้เป็นผู้ให้การอบรมและ
ต้องสอบผ่านความรู้ตามที่กําหนดไว้ในข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย หรือ
(ข)
ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาสาขาการแพทย์แผนไทยหรือ
สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์จากสถาบันการศึกษาที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรองและต้องสอบผ่านความรู้
ตามที่กําหนดไว้ในข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย หรือ
(ค)
เป็นผู้ที่ส่วนราชการรับรองความรู้การแพทย์พื้นบ้านไทย
โดยผ่านการประเมินหรือการสอบ ตามที่กําหนดไว้ในข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย
๓.
ไม่เป็นผู้ประพฤติเสียหายซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะนํามาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์
แห่งวิชาชีพ
๔.
ไม่เคยต้องโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่าจะนํามาซึ่ง
ความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
๕.
ไม่เป็นผู้วิกลจริต จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
หรือไม่เป็นโรคที่กําหนดไว้ในข้อบังคับ สภาการแพทย์แผนไทย
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิกมีดังต่อไปนี้
๑. ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทยประยุกต์ ขอหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทย
หรือการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์หรือขอหนังสือแสดงวุฒิอื่น
ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยปฏิบัติตามข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทยว่าด้วยการนั้น
๒. แสดงความเห็นเป็นหนังสือเกี่ยวกับกิจการของสภาการแพทย์แผนไทยส่งไปยังคณะกรรมการ
เพื่อพิจารณา และในกรณีที่สมาชิกร่วมกันตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไปเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเรื่องใด
ที่เกี่ยวกับกิจการของสภาการแพทย์แผนไทย คณะกรรมการต้องพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณา
ให้ผู้เสนอทราบภายในเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับเรื่อง
๓. เลือก
รับเลือก หรือรับเลือกตั้งเป็นกรรมการ เฉพาะสมาชิกที่มีใบอนุญาต
๔.
ผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพและปฏิบัติตนตามพระราชบัญญัตินี้
สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงเมื่อ(มี๕ข้อ)
๑. ตาย
๒. ลาออก
๓.
ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๒ (๒) ....ไม่มีความรู้ในวิชาชีพ (ก) (ข) (ค)
๔. คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ
เพราะเห็นว่าเป็นผู้นํามาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ แห่งวิชาชีพตามมาตรา ๑๒
(๓) หรือ (๔) ......ประพฤติเสียหาย และถูกจำคุก
๕.
มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ (๕)....วิกลจริต ที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจํานวนไม่น้อยกว่า
สามคน ซึ่งคณะกรรมการกําหนด ลงความเห็นว่าไม่สามารถบําบัดรักษาให้หายเป็นปกติได้
หรือต้องใช้ ระยะเวลาในการบําบัดรักษาเกินกว่าสองปี
ในกรณีที่สมาชิกผู้ใดมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ (๕)
แต่ยังไม่ถึงขนาดที่สมาชิกภาพ สิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง (๕)
คณะกรรมการอาจมีมติให้พักใช้ใบอนุญาตของสมาชิกผู้นั้นได้ โดยมี
กําหนดเวลาตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินสองปี และให้นําความในมาตรา ๓๑
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
คณะกรรมการสภาการแพทย์แผนไทย
ประกอบด้วย
๑.
กรรมการโดยตําแหน่ง มี ๕ คน ได้แก่
-ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
-อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
-อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
-เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
-เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
๒. กรรมการซึ่งเป็นคณบดี
หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
หรือหัวหน้าภาควิชาที่ผลิตบัณฑิตสาขาการแพทย์แผนไทยหรือสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์
ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบัน
อุดมศึกษาเอกชนแห่งละหนึ่งคน เลือกกันเองให้เหลือสาขาละสามคน ....สาขาแพทย์แผนไทย
๓คน และสาขาแพทย์แผนไทยประยุกต์ 3คน
๓. กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนสมาคมหรือมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
แห่งละหนึ่งคน เลือกกันเองให้เหลือ 3 คน
๔. หัวหน้าสถาบันหรือสถานพยาบาลที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรองโดยมีผู้ประกอบวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทยซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้เป็นผู้ให้การอบรม เลือกกันเองให้เหลือจํานวน
3 คน
๕. กรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกมีจํานวนเท่ากับจํานวนกรรมการใน
(๑) (๒) (๓) และ (๔) รวมกันในขณะเลือกตั้งแต่ละคราว ทั้งนี้
ให้คํานึงถึงสัดส่วนของวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๔
*สรุป คณะกรรมการมาจากข้อ๑จำนวน๕คน ข้อ๒ จำนวน๖คน
ข้อ๓จำนวน๓คน ข้อ๔จำนวน๓คน
และจากการเลือกตั้งจากสมาชิกสภาแพทย์แผนไทยอีกจำนวน ๑๗คน ดังนั้นคณะกรรมการสภาแพทย์แผนไทยมีจำนวนทั้งหมดคือ
๓๔คน
คณะกรรมการอาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษาได้
และให้มีอํานาจถอดถอน
ที่ปรึกษาด้วย ให้ที่ปรึกษาดํารงตําแหน่งตามวาระของกรรมการ
ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อดํารงตําแหน่ง นายกสภาการแพทย์แผนไทย อุปนายก สภาการแพทย์แผนไทยคนที่หนึ่ง และอุปนายกสภาการแพทย์แผนไทยคนที่สอง
ตำแหน่งละหนึ่งคนภายในสามสิบวันนับจาก วันเลือกตั้งกรรมการ
นายกสภาการแพทย์แผนไทยเลือกกรรมการเพื่อดํารงตําแหน่ง เลขาธิการ
รองเลขาธิการ ประชาสัมพันธ์ และเหรัญญิก ตําแหน่งละหนึ่งคน
และอาจเลือกกรรมการเพื่อดํารงตําแหน่งอื่นได้ ตามความจําเป็น ทั้งนี้
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
นายกสภาการแพทย์แผนไทยมีอํานาจถอดถอน เลขาธิการ
รองเลขาธิการ ประชาสัมพันธ์ เหรัญญิก และผู้ดํารงตําแหน่งอื่นตามวรรคสองออกจากตำแหน่งได้
ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
นายกสภาการแพทย์แผนไทย
อุปนายกสภาการแพทย์แผนไทยคนที่หนึ่งและอุปนายก สภาการแพทย์แผนไทยคนที่สอง ดํารงตําแหน่งตามวาระของกรรมการ...วาระละ
3ปี
เมื่อผู้ดํารงตําแหน่งนายกสภาการแพทย์แผนไทยพ้นจากหน้าที่
ให้เลขาธิการ รองเลขาธิการ ประชาสัมพันธ์ เหรัญญิก
และผู้ดํารงตําแหน่งอื่นที่นายกสภาแพทย์แผนไทยเป็นผู้แต่งตั้งนั้นพ้นจากตําแหน่งด้วย
กรรมการที่มาจากผู้แทนสมาคมหรือมูลนิธิ
และกรรมการที่มาจากหัวหน้าสถาบันหรือสถานพยาบาล
และกรรมการที่มาจากการเลือกตั้งต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(๑)
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทยแผนไทยหรือเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
(๒) เป็นผู้ไม่เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาต
(๓)
ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
กรรมการที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้งมีวาระการดํารงตําแหน่ง
คราวละสามปี
แต่จะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระ ติดต่อกันไม่ได้
และให้กรรมการที่พ้นจากตําแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการเลือกหรือ
เลือกตั้งกรรมการขึ้นใหม่
นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ
กรรมการยังสามารถพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุดังต่อไปนี้
(๑)
สมาชิกภาพสิ้นสุดลง
(๒)
ขาดคณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
(๓) ลาออก
นายกสภาการแพทย์แผนไทย
มีอํานาจหน้าที่
(ก) บริหารและดําเนินกิจการของสภาการแพทย์แผนไทย
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามมติของคณะกรรมการ
(ข) เป็นผู้แทนสภาการแพทย์แผนไทย ในกิจการต่าง ๆ
(ค) เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ
อุปนายกฯคนที่หนึ่งและคนที่สอง
เป็นผู้ช่วยนายกสภาการแพทย์แผนไทย ในกิจการอันอยู่ในอํานาจหน้าที่ของสภาการแพทย์แผนไทยตามที่นายกสภาการแพทย์แผนไทยมอบหมาย
และเป็นผู้ทําการแทนนายกสภาการแพทย์แผนไทย
เมื่อนายกสภาการแพทย์แผนไทยไม่อยู่หรือไม่สามารถ ปฏิบัติหน้าที่ได้
เลขาธิการ
มีอํานาจหน้าที่
(ก)
ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่สภาการแพทย์แผนไทย ทุกระดับ
(ข)
ควบคุมรับผิดชอบในงานธุรการทั่วไปของสภาการแพทย์แผนไทย
(ค) รับผิดชอบในการดูแลรักษาทะเบียนสมาชิก
ทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพการแพทยแผนไทย
การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวน
กรรมการทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้น
จึงจะเป็นองค์ประชุม
มติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
ในการลงคะแนนกรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งเสียง ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน
ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
กรณีให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพ
เพราะคณะกรรมการมีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ เพราะเห็นว่าเป็นผู้นํามาซึ่งความเส่ือมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
ให้ถือคะแนนเสียง
ไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้น
ให้นายกสภาการแพทย์แผนไทยเสนอมติตามวรรคหนึ่งต่อสภานายกพิเศษโดยไม่ชักช้า
สภานายกพิเศษอาจมีคําสั่งยับยั้งมตินั้นได้
ในกรณีที่มิได้ยับยั้งมติการออกข้อบังคับ ภายในสามสิบวัน หรือมิได้ยับยั้งมติการกําหนดแผนการดําเนินงานและงบประมาณของสภาการแพทย์แผนไทย หรือ การให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพ
การวินิจฉัยชี้ขาดให้พักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาต ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับมติที่นายก
สภาการแพทย์แผนไทยเสนอ ให้ถือว่าสภานายกพิเศษให้ความเห็นชอบมตินั้น
ถ้าสภานายกพิเศษยับยั้งมติใด
ให้คณะกรรมการประชุมพิจารณาอีกครั้งหนึ่งภายในสามสิบวัน
นับแต่วันที่ได้รับการยับยั้ง
ในการประชุมนั้นถ้ามีเสียงยืนยันมติไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวน กรรมการทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้น
ก็ให้ดําเนินการตามมตินั้นได้
ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทยประยุกต์ กระทําการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือการประกอบวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทยประยุกต์ เว้นแต่ในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑)
การกระทําต่อตนเอง
(๒) การช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยตามหน้าที่ ตามกฎหมาย
ตามหลักมนุษยธรรมหรือตามธรรมจรรยา โดยมิได้รับประโยชน์ตอบแทน
(๓) นักเรียน
นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรม ซึ่งทําการฝึกหัดหรือฝึกอบรมในความควบคุม
ของสถาบันการศึกษาวิชาชีพการแพทย์แผนไทยของรัฐหรือที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้จัดตั้งสถาบัน
ทางการแพทย์ของรัฐ หรือสถาบันการศึกษา
หรือสถาบันทางการแพทย์อื่นที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง ทั้งนี้
ภายใต้ความควบคุมของเจ้าหน้าที่ผู้ฝึกหัดหรือผู้ให้การฝึกอบรมซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
หรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
(๔)
บุคคลซึ่งกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด
องค์การบริหารส่วนตําบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษอื่นตามที่มีกฎหมายกําหนด หรือสภากาชาดไทย
มอบหมายให้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยในความควบคุมของเจ้าหน้าที่
ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
หรือ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทั้งนี้
ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(๕)
บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลกระทําการ
ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ในความควบคุม
ของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(๖)
การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
ของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของทางราชการ ทั้งนี้ โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด (๗) หมอพื้นบ้าน
ซึ่งมีความรู้ความสามารถในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพของประชาชนในท้องถิ่น
ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
ตามวัฒนธรรมของชุมชนที่สืบทอดกันมานานไม่น้อยกว่าสิบปีเป็นที่นิยม ยกย่องจากชุมชน
โดยมีคณะกรรมการหมู่บ้านหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอให้หน่วยงานที่
กระทรวงสาธารณสุขกําหนดเป็นผู้รับรอง ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้รับปริญญา
ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพ การแพทย์แผนไทย
ใช้คําหรือข้อความด้วยอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศว่าแพทย์แผนไทย หรือ ใช้อักษรย่อของคําดังกล่าว รวมถึงการใช้ จ้าง
วาน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทําดังกล่าวให้แก่ตน (การใช้คำนำหน้าว่า
แพทย์แผนไทย หรือ อักษรนำหน้าชื่อ พท.)
ห้ามมิให้ผู้ใดใช้คําหรือข้อความที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีความรู้ความชํานาญ
ในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ทั้งนี้ รวมถึงการใช้ จ้าง วาน หรือยินยอม
ให้ผู้อื่นกระทําดังกล่าวให้แก่ตน
เว้นแต่ผู้นั้นเป็นผู้ได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรว่าเป็นผู้มีความรู้ความชํานาญ
ในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย จาก สภาการแพทย์แผนไทย
หรือที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง
ผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตต้องสมัครเป็นสมาชิกแห่งสภาการแพทย์แผนไทย
และมีคุณสมบัติตามที่กําหนดไว้ในข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย
เมื่อสมาชิกภาพของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยสิ้นสุดลง ให้ใบอนุญาตของผู้นั้นสิ้นสุดลงด้วยและให้ส่งคืนใบอนุญาตต่อเลขาธิการ
ภายในสิบห้าวัน
ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ต้องประกอบวิชาชีพภายใต้บังคับแห่งข้อจํากัดและเงื่อนไขและต้องรักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทยตามที่กําหนดไว้ในข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย
บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายเพราะการประพฤติผิดของผู้ประกอบ
วิชาชีพการแพทย์แผนไทย มีสิทธิกล่าวหาผู้ก่อให้เกิด ความเสียหายนั้น
โดยทําคํากล่าวหาเป็นหนังสือยื่นต่อสภาการแพทย์แผนไทย
-ผู้เสียหาย เรียกว่า ผู้กล่าวหา
-ญาติผู้เสียหาย หรือบุคคลอื่น เรียกว่า ผู้กล่าวโทษ
คณะกรรมการมีอํานาจวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑) ยกข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษ
(๒)
ว่ากล่าวตักเตือน
(๓) ภาคทัณฑ์
(๔)
พักใช้ใบอนุญาตมีกําหนดเวลาตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินสองปี
(๕)
เพิกถอนใบอนุญาต
*ห้ามมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ซึ่งอยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือซึ่งถูกสั่ง เพิกถอนใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
*ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยถูกลงโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุด
ให้คณะกรรมการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของผู้นั้นนับแต่วันที่ศาล มีคําพิพากษาถึงที่สุด
*ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ซึ่งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตอาจขอรับใบอนุญาตอีกได้เมื่อพ้นสองปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตแต่เมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาคําขอรับใบอนุญาตและปฏิเสธการออกใบอนุญาต
ผู้นั้นจะยื่นคําขอรับ ใบอนุญาตในครั้งต่อๆ
ไปได้อีกต่อเมื่อสิ้นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการปฏิเสธการออกใบอนุญาต
ในการปฏิบัติหน้าที่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปนี้
(๑)
เข้าไปในสถานที่ทําการของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพ
การแพทย์แผนไทยประยุกต์ในเวลาทําการของสถานที่นั้น
เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัตินี้
(๒) เข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใด
ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า จะมีการกระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้
ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทําการของสถานที่นั้น
เพื่อตรวจค้นเอกสารหรือวัตถุใด ๆ
ที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดําเนินการกระทําผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ประกอบกับกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้
เอกสารหรือวัตถุดังกล่าว จะถูกยักย้าย ซุกซ่อน
ทําลายหรือทําให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
(๓) ยึดเอกสาร
หรือวัตถุใด ๆ ที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดําเนินคดีการกระทําความผิด
ตามพระราชบัญญัตินี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอํานวยความสะดวก ตามสมควร
ในการปฏิบัติหน้าที่
พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจําตัว
ในการปฏิบัติหน้าที่
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
ผู้ใดประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ(หมอเถื่อน)
และห้ามผู้ที่อยู่ระหว่างถูกพักใบอนุญาต
และผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำการประกอบวิชาชีพ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี
หรือ ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ได้จบการศึกษาการแพทย์แผนไทยใช้คำนำหน้าชื่อ
หรืออักษรย่อ
หรือคำประกอบชื่อตนเองว่าเเพทย์แผนไทยและห้ามมิให้แสดงตนว่าผู้มีความชำนาญใดๆที่ไม่ได้รับการรับรองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากสภาแพทย์แผนไทย
รวมถึงการใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทําดังกล่าวให้แก่ตน
ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจําทั้งปรับ
ขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในสถานที่ที่ต้องสงสัยตามคำสั่งของรัฐมนตรี
คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ
หากมีผู้ขัดขวางหรือไม่อํานวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคําหรือไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุใด
ๆ ตามที่เรียกหรือแจ้งให้ส่ง ต่อคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ
และพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยไม่มีเหตุอันควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือทั้งจําทั้งปรับ
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดไม่ติดบัตรแสดงตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่มีเหตุอันควร
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
...............
อัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ฉบับละ
3,000บาท
ค่าต่ออายุใบอนุญาต
ฉบับละ 2,000บาท
ค่าหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ฉบับละ 500 บาท
ค่าใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 500 บาท
ค่าหนังสืออนุมัติ
หรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ฉบับละ
2,000 บาท
..........................................................................................................................................
ข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย
ว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๗
บังคับใช้เมื่อวันที่
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๗
การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
-ผู้ประกอบวิชาชีพย่อมดํารงตนให้สมควรในสังคมโดยธรรม
เคารพต่อกฎหมาย ของบ้านเมือง
-ผู้ประกอบวิชาชีพย่อมไม่ประพฤติหรือกระทําการใด
ๆ อันอาจเป็นเหตุให้เสื่อมเสีย เกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
-ผู้ประกอบวิชาชีพย่อมประกอบวิชาชีพ
โดยยึดถือสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วย และประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด
โดยไม่คํานึงถึงฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคมหรือการเมือง
-ผู้ประกอบวิชาชีพพึงหมั่นศึกษาหาความรู้
ความก้าวหน้าทางวิชาการต่างๆ เพื่อรักษาไว้ ซึ่งมาตรฐานแห่งวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
ตามที่สภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทยกําหนด
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องรักษามาตรฐานของการประกอบวิชาชีพในระดับที่ดีที่สุด
และพยายามให้ผู้ป่วยพ้นจากอาการทรมานจากโรคและความพิการต่างๆ
โดยไม่เรียกร้องสินจ้างรางวัลพิเศษ นอกเหนือจากค่าบริการที่ควรได้รับตามปกติ
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่จูงใจหรือชักชวนให้ผู้ป่วยมารับบริการทางวิชาชีพเพื่อผลประโยชน์
ของตน
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ให้หรือรับผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทนเนื่องจากการรับ
หรือส่งผู้ป่วยเพื่อรับบริการทางการแพทย์
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องปฏิบัติต่อผู้ป่วยโดยสุภาพมีน้ำใจ
มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ปราศจาก การบังคับขู่เข็ญ ล่วงเกินและลวนลามผู้ป่วยด้วยกาย
วาจา ใจ ทางด้านกามารมณ์และอื่น ๆ
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่หลอกลวงผู้ป่วยให้หลงเข้าใจผิดในการประกอบวิชาชีพ
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ประกอบวิชาชีพโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยและความสิ้นเปลือง
ของผู้ป่วย
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ให้คํารับรองอันเป็นเท็จ
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่เปิดเผยความลับของผู้ป่วยซึ่งตนทราบมาเนื่องจาก
การประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ด้วยความยินยอมของผู้ป่วย
หรือเมื่อต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามหน้าที่
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในระยะอันตรายจากการเจ็บป่วย
เมื่อได้รับคําขอร้องและตนอยู่ในฐานะที่จะช่วยได้
-ผู้ประกอบวิชาชีพพึงให้คําแนะนําเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการใช้ยาแก่ผู้ป่วย
ข้อ ๑๘ ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ใช้หรือสนับสนุนให้มีการประกอบวิชาชีพโดยผิดกฎหมาย
การปฏิบัติต่อผู้ร่วมวิชาชีพ
-ผู้ประกอบวิชาชีพพึงยกย่องให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน
รวมทั้ง สร้างความสามัคคีในหมู่ผู้ร่วมวิชาชีพ
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่เอาผลงานของผู้ประกอบวิชาชีพอื่นมาเป็นของตน
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ให้ร้าย
หรือดูหมิ่นเหยียดหยามผู้ร่วมวิชาชีพด้วยกัน
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ชักจูงผู้ป่วยของผู้อื่นมาเป็นของตน
การปฏิบัติต่อผู้ร่วมงาน
-ผู้ประกอบวิชาชีพพึงยกย่องให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีของผู้ร่วมงาน
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องไม่ให้ร้าย
หรือดูหมิ่นเหยียดหยามผู้ร่วมงาน
-ผู้ประกอบวิชาชีพพึงส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ร่วมงานมีโอกาสเพิ่มพูนความรู้
ทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง
-การปฏิบัติตนเกี่ยวกับสถานที่ทําการประกอบวิชาชีพ
-ผู้ประกอบวิชาชีพต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับสถานที่ทําการประกอบวิชาชีพตามกฎหมาย
ว่าด้วยสถานพยาบาลและกฎหมายว่าด้วยยา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น