การนวดไทยราชสำนัก ส่วนที่๔ ว่าด้วยโรคทางหัตถเวชกรรมแผนไทย เอกสารจัดทำเพื่อผู้พิการทางสายตาเพื่อการอ่านโดยใช้แอพพลิเคชั่นเสียง

1. โรคลมปลายปัตคาต  เป็นโรคลมชนิดหนึ่งเกิดจากการแข็งตัวของเลือด สามารถเป็นได้ทุกส่วนของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เยื่อหุ้มกระดูก ริมหัวต่อกระดูก ยกเว้นตัวกระดูก  มีอาการปวดเสียว อาจมีบวม แข็งเป็นก้อน เป็นลำ  หรือไม่บวมก็ได้ ไม่มีความร้อน หรืออาจมีความร้อนได้เล็กน้อย  หลักการรักษาคือการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นดีขึ้น โดยการนวดพื้นฐาน และการนวดสัญญาณ1ถึง5 แล้วแต่กรณีของโรคที่เกิด

2.โรคลมลำบอง เป็นโรคในตระกูลของลมชนิดหนึ่ง เกิดจากอาหารและอากาศ มักเกิดเป็นหัวข้อต่อกระดูกเท่านั้น สามารถเป็นได้กับทุกหัวข้อต่อกระดูกทั่วร่างกาย  จะมีอาการหัวข้อต่อกระดูกในตำแหน่งที่ลมลำบองนี้ไปเกาะจะมีอาการปวด บวมแดง ร้อน ปรากฏให้เห็น ลักษณะอาการทั่วไปจะคล้ายกับลมจับโปง ถ้าเกิดในข้อเข่าและข้อเท้าจะเป็นด้านใดด้านหนึ่งของข้อเท่านั้น ถ้ามีอาการปวดมากคนไข้มักจะมีอาการจับไข้ร่วมด้วยก็ได้ เรียกว่าไข้ลมลำบอง  และลักษณะอาการบวมจะมีน้ำชนิดข้นๆเป็นเมือกเกาะอยู่ตามตำแหนงข้อที่บวมนั้น  หลักในการรักษาโดยการนวดตามสัญญาณที่ลมลำบองไปเกาะ และต้องพยายามนวดเอาเลือดส่วนอื่นไปช่วยในข้อที่เกิดโรคลมลำบองนั้น เพื่อให้ความร้อนและพิษอักเสบในข้อนั้นกระจายไปตามการไหลผ่านของเลือด หลักในการรักษานั้นให้นวดแก้ด้วยการนวดเน้นแม่สัญญาณ5 ส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับหัวต่อกระดูกที่เป็นนั้นๆ มาช่วยตามความจำเป็น  กล่าวคือการรักษาโรคลมลำบองของข้อเข่าและข้อเท้า ใช้หลักการรักษาด้วยแม่สัญญาณ และลูกสัญญาณและสัญญาณอื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อเข่าและข้อเท้ามารักษา เพื่อลดความร้อนและพิษอักเสบ

3.โรคลลมจับโปง เป็นโรคในตระกูลลมชนิดหนึ่งที่เกิดจากอาหาร อากาศ และน้ำ และเป็นเฉพาะข้อเข่าและข้อเท้า เท่านั้น ลมจับโปงมี2ชนิด ได้แก่  ลมจับโปงน้ำ และลมจับโปงแห้ง

ลักษณะอาการโรคลมจับโปงน้ำ มีอาการปวดมาก บวม แดง ร้อน และมีน้ำในข้อ ขณะที่บวมและอักเสบจะมีความร้อนขึ้นเสมอ สามารถทำให้เป็นไข้ได้ เรียกว่าไข้จับโปง ไข้มักจับเป็นบางเวลา พบกำเริบในฤดูฝน ซึ่งอากาศมักจะร้อนอบอ้าวและมีความหนาวเจือปนมา

ลักษณะอาการโรคลมจับโปงแห้ง อาการบวม มีความร้อนไม่มากนัก บางครั้งมีแดงเล็กน้อย แต่จะมีสภาวะหัวเข่าติด ขาโก่ง สะบ้าเจ่า อาการปวดน้อยกว่าลมจับโปงน้ำ และมีน้ำในข้อเล็กน้อย  

หลักในการรักษานั้นให้นวดแก้ด้วยแม่สัญญาณ5 และลูกสัญญาณในตำแหน่งของข้อเข่าหรือข้อเท้าที่เป็นนั้น และให้ใช้สัญญาณ5 ส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อเข่า หรือข้อเท้าที่เป็นนั้นมาช่วยด้วยตามความจำเป็น เพื่อให้ความร้อนและพิษอักเสบในข้อนั้นกระจายไปตามการไหลผ่านของเลือด

4.โรคสันนิบาต แบ่งออกเป็น 3ชนิดคือ  โรคสันนิบาตข้อมือตก  โรคสันนิบาตตีนตก และโรคสันนิบาตหนังตก

กลุ่มที่1กลุ่มโรคปวดหลังส่วนบนตั้งแต่ปลายสะบักหลัง จนถีงศรีษะและใบหน้า

1.โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ4หลัง มีอาการปวดตึง คอ กล้ามเนื้อบ่าและสะบัก อาจพบอาการปวด ร้าว ชา แขนด้านนอกและนิ้วมือ หายใจไม่เต็มอิ่ม ขัดยอกหน้าอก สาเหตุเกิดจากการแข๊งตัวของเลือดบริเวณบ่าและสัญญาณ4หลัง เนื่องจากความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ท่าทาง อิริยาบทต่างๆไม่ถูกต้อง ความเสื่อมของตัวกระดูกคอ และอุบัติเหตุ....เมื่อมีคำว่ามีอาการปวด ร้าว ชา แขนด้านนอกและนิ้วมือ หายใจไม่เต็มอิ่ม เท่ากับโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ4หลัง

2.โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ5หลัง มีอาการมึนงง เวียนศรีษะ ปวดศรีษะ ปวดกระบอกตา ปวดต้นคอ อาจพบร้าวชาออกแขนด้านใน สาเหตุ เกิดจากการแข็งตัวของเลือดบริเวณบ่าและสัญญาณ5หลัง เนื่องจากความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ท่าทาง อิริยาบถต่างๆไม่ถูกต้อง ความเสื่อมของตัวกระดูกคอและจากอุบัติเหตุ....เมื่อมีคำว่ามีอาการร้าวชาออกแขนด้านใน เท่ากับโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ5หลัง

3.โรคลมปลายปัตคาตเส้นโค้งคอ มีอาการ คอแข็ง ทรงศรีษะไม่อยู่ กล้ามเนื้อคอไม่มีกำลัง ก้ม เงย หรือเอียงคอ มีอาการตึง ปวดต้นคอ ปวดศรีษะ ปวดกระบอกตา ตากระตุก หูอื้อ  อาจพบขัดยอกที่ข้อต่อหัวไหล่ หรือโรคหัวไหล่ติดร่วมด้วย ปวดชาต้นแขน ชาปลายนิ้ว    สาเหตุ (1)เกิดจากท่าทาง อิริยาบถไม่ถูกต้อง เช่น นั่งคอเอียง คอไม่ตรง   (2)ความเครียดของกล้ามเนื้อต้นคอ (3)ความเสื่อมของกระดูกต้นคอ ....เมื่อมีคำว่ามีอาการ คอแข็ง ทรงศรีษะไม่อยู่ กล้ามเนื้อคอไม่มีกำลัง เท่ากับโรคลมปลายปัตคาตเส้นโค้งคอ

4.โรคคอตกหมอน เป็นลักษณะอาการเฉียบพลัน เกิดกับกล้ามเนื้อคอ โค้งคอ และบ่ากล้ามเนื้อจึงเกิดการแข็งเกร็งเพื่อป้องกันตนเอง เรียกว่าภาวะคอตกหมอน มีอาการปวดเมื่อยที่ต้นคอ บางรายคอแข็ง เวลาหันหน้าต้องหันไปทั้งตัวและรู้สึกปวดร้าวที่ต้นคอ กล้ามเนื้อบริเวณบ่า คอ ตึงแข็งเกร็ง มักมีอาการข้างเคียง คือปวดศรีษะร่วมด้วย เวลาเงยและก้มหน้ามีอาการขัดและเสียวร้าว ยอกหน้าอก ร้าวสะบักและหัวไหลได้แค่ไม่มีอาการร้าวลงแขน สาเหตุ(1)เกิดจากอิริยาบถไม่ถูกต้อง คือ อยุ่ในท่าเดียวซ้ำนานๆ คอไม่อยู่ในลักษณะสมดุล กล้ามเนื้อคอเกิดอาการเกร็ง เคล็ดขัด ยอก พบเป็นตอนตื่นนอน นั่งก้มหน้าทำงาน หรือนั่งหลับ  (2)เกิดจากกล้ามเนื้อต้นคอไม่แข็งแรงและไม่เตรียมความพร้อมเมื่อถูกใช้งานกระทันหัน  (3)สภาวะที่เกี่ยวเนื่องกับโรคที่เกิดกับกระดูกคอ เช่น โรคสัญญาณ4 หลัง และโรคสัญญาณ5 หลัง (4)เกิดจากอุบัติเหตุ ถูกดึง ถูกกระชาก เกิดการเคลื่อนของหมอนรองกระดูกต้นคอเล็กน้อยเคลื่อนมาชิดเส้นประสาท แต่ไม่กดทับเส้นประสาท....เมื่อมีคำว่าเป็นลักษณะอาการเฉียบพลัน เกิดกับกล้ามเนื้อคอ คอแข็ง เวลาหันหน้าต้องหันไปทั้งตัว เท่ากับโรคคอตกหมอน

5.โรคลมประกัง  มี 2ชนิด คือ ชนิดอาเจียน และชนิดไม่อาเจียน มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ลมตะกัง หรือ อาการไมเกรนของแผนปัจจุบัน หากเทียบตามเส้นสิบจะตรงกับอาการที่เกิดในเส้นอิทา และเส้นปิงคลา  ลักษณะอาการ ปวดศรีษะ ปวดขมับ ปวดเบ้าตา หรือกระบอกตา ปวดแบบตุ๊บตุ๊บ หรืออาจปวดแบบตื้อตื้อ เป็นข้างเดียว หรือสลับข้างกันในแต่ละครั้ง และอาจเป็นทั้ง2ข้างก็ได้ ทำให้หน้าแดง ตาพร่า ตาลายเห็นแสงระยิบระยับ มักจะมีอาการเป็นชั่วโมง หรือตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง บางครั้งพบว่าปวดตลอดทั้งวัน อาจพบอาการอื่นร่วมด้วยเช่น (1) ปวดศรีษะ มีความดันโลหิตสูง ให้แก้ไขอาการความดันโลหิตสูงให้ลดลงก่อน  (2)ปวดศรีษะ มีไข้ ถ้าปวดศรีษะมีไข้สูง ให้แก้ไขอาการสูงก่อน  (3)ปวดศรีษะมีอาเจียน ซึ่งไม่ใช่จากระบบสมองที่มีลักษณะอาเจียนพุ่ง   สาเหตุ โบราณกล่าวว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาหาร อากาศ ความเครียด  ทำให้ปวดศรีษะ และอาเจียน และในชนิดอาเจียนโบราณว่าน้ำเลี้ยงขึ้นสมองแล้วไม่กลับลง....เมื่อมีคำว่าปวดแบบตุ๊บตุ๊บ หรืออาจปวดแบบตื้อตื้อ หน้าแดง ตาพร่า ตาลายเห็นแสงระยิบระยับ  เท่ากับโรคลมปะกัง

6.โรคอัมพาตหน้า หรือแผนปัจจุบันเรียกว่า เบลพาวซี่  มีอาการ เคลื่อนไหวใบหน้าทั่วๆไปไม่ได้ เช่นยักคิ้วไม่ได้ หลับตาไม่ลง ไม่มีรอยย่นที่หน้าผาก บางครั้งจะพบหน้าบวมซีกหนึ่งข้างที่เป็น และถ้าเป็นนานๆ หน้าจะลีบ ปากเบี้ยว มุมปากตก ทำให้น้ำลายไหลออกมา อีกข้างหนึ่งอาจมีอาการลิ้นชา หูอื้อมีเสียงในหูได้  สาเหตุทางโบราณมี5ประการคือ (1)เกิดจากลมปลายปัตคาต (2)เกิดจากลมสันนิบาต (3)เกิดจากลมชิวหาสดมภ์ (4)เกิดจากความเครียดทางสมองและจิตใจ  (5)เกิดจากอัมพาตครึ่งซีกนั้น นอกจากมือตายเท้าตายแล้ว ทำให้เกิดอัมพาตที่หน้า (อาการปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตาหลับไม่ลง)....เมื่อมีคำว่าากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตาหลับไม่ลงน้ำลายไหลออกมาที่มุมปากข้างที่เป็น ไม่มีรอยย่นที่หน้าผากหรือหน้าผากตึงเลี่ยน หูอื้อมีเสียงในหู เท่ากับโรคอัมพาตหน้า

7.โรคสันนิบาตหนังตาตก  มีอาการตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้นกำลังกล้ามเนื้อหนังตาไม่มีแรง อาจเป็นข้างเดียวหรือ2ข้างก็ได้ พบได้ทุกเพศ ทุกวัย เป็นลักษณะของอัมพาตกล้ามเนื้อหนังตา  สาเหตุ กล่าวคือไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน  อาจพบประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อตาไม่มีแรง หรืออาจเกิดจากโรคบางอย่าง และมักเป็นร่วมกันกับอัมพาตหน้า....เมื่อมีคำว่าตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้นกำลังกล้ามเนื้อหนังตาไม่มีแรง เท่ากับโรคสันนิบาตหนังตาตก

8.โรคหัวไหล่ติด โบราณกล่าวว่าหัวไหลติดเกิดจากลมลำบอง (อาการอับเสบเฉียบพลัน) และลมปลายปัตคาต(อาการเรื้อรัง) มีอาการ ยกแขนไม่ขึ้น มีอาการปวด เจ็บเสียว บริเวณหัวไหล่ ร้าวลงไปแขน และขึ้นศรีษะ กล้ามเนื้อบ่าข้างที่เป็นจะเกร็งตึง องศาการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ในมุมต่างๆจะถูกจำกัด อาจพบเป็นแบบเฉียบพลันหลังจากได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ หรือเป็นแบบเรื้อรัง ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ เกิดพังผืด ทำให้หัวไหล่ติดมีหินปูนเกาะ อาจพบข้อหัวไหล่มีเสียงดังขณะเคลื่อนไหว  สาเหตุ(1)อุบัติเหตุ เช่น ถูกรถเมล์กระชากจากการเบรกรถกระทันหัน (2)ความเสื่อมของร่างกาย ระบบไหลเวียนเลือดไม่สะดวก ทำให้ไขข้อหัวไหล่แห้ง มีเสียงดังเวลาเคลื่อนไหว  (3)สภาวะการใช้งาน มีการใช้งานน้อยสำหรับผู้ที่เป็นอัมพฤต อัมพาต และการใช้งานมากเกินกำลัง ทำให้อักเสบ เกิดข้อไหล่ติดได้ (4)เกิดร่วมกับโรคสัญญาณ4หลัง....เมื่อมีคำว่ายกแขนไม่ขึ้น มีอาการปวด เจ็บเสียว บริเวณหัวไหล่ ร้าวลงไปแขน และขึ้นศรีษะ องศาการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ในมุมต่างๆจะถูกจำกัด เท่ากับโรคหัวไหล่ติด

9.โรคหัวไหล่เบี่ยง มีอาการปวด บวม แดง ร้อนหัวไหล่ด้านหน้า เคลื่อนไหวมุมปกติไม่ได้ ยกแขนชูแขนไม่ไม่ขึ้น สาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุแบบทันทีทันใด เช่น โดนกระชากแขน   หกล้มทับไหล่ เป็นต้น ซึ่งพบเป็นกับหัวไหล่ด้านหน้า 90เปอร์เซนต์ ....เมื่อมีคำว่าปวด บวม แดง ร้อนหัวไหล่ด้านหน้า เคลื่อนไหวมุมปกติไม่ได้ เท่ากับโรคหัวไหล่เบี่ยง  สำหรับโรคหัวไหล่เบี่ยงควรผลักกระดูกหัวไหล่ภายใน 24ชั่วโมง

กลุ่มที่2กลุ่มโรคปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อหลัง

1.โรคยอกหลัง/ยอกเดี่ยว มีอาการ ปวดเสียว ขัดยอก บริเวณบั้นเอว และกล้ามเนื้อหลัง หันตัวไม่ถนัด เดินตัวแข็ง เวลาไอ จาม จะเจ็บเสียวแปล๊บ เจ็บร้าวมาที่หลัง มาที่หน้าท้อง ไม่มีอาการร้าวชาไปที่ขา...เมื่อมีคำว่าเดินตัวแข็ง เวลาไอ จาม จะเจ็บเสียวแปล๊บ เจ็บร้าวมาที่หลังและเป็นแค่ข้างเดียว เท่ากับโรคยอกหลังเดี่ยว

2.โรคยอกหลัง/ยอกคู่ มีอาการคล้ายกับยอกเดี่ยว แต่จะเป็นทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่มีความรุนแรงมากกว่ายอกเดี่ยว ยอกคู่มีการเคลื่อนตัวของกระดูกสันหลังควบคู่ไปด้วย หรือมีการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อ  มีอาการปวด ขัด ยอกเสียว บริเวณกล้ามเนื้อช่วงเอวโดยเฉพาะตอนเปลี่ยนอิริยาบท เช่น จากนอนจะลุกนั่ง หรือจากนั่งเป็นยืน จะเจ็บเสียวจนสะดุ้งตัวจะงอเป็นกุ้งบางครั้ง เหงื่อออกจนตัวเย็นซีด และเวลาเดินหลังไม่ตรงต้องเดินหลังค่อม....เมื่อมีคำว่าปวด ขัด ยอกเสียว บริเวณกล้ามเนื้อช่วงเอวตอนเปลี่ยนอิริยาบทจากนอนจะลุกนั่ง หรือจากนั่งเป็นยืน เป็นทั้งสองข้างจะเจ็บเสียวจนสะดุ้งตัวจะงอเป็นกุ้ง เท่ากับโรคยอกหลังคู่ หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่ายอกสะดุ้ง

สาเหตุทั้งยอกเดี่ยวและยอกคู่ (1)กล้ามเนื้อเส้นเอ็นเยื่อหุ้มข้อ มีการอักเสบ ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ  (2)เกิดจากการที่กล้ามเนื้อถูกยืดแบบกระทันหัน ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงไม่สะดวก เช่น การยกของหนัก การเอี้ยวตัวกระทันหัน  (3) กล้ามเนื้อหลังทำงานไม่สมดุล เช่น นั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม นั่งไขว่ห้างจนทำให้กระดูกเอวคด  (4)เกิดจากอุบัตเหตุ จากการนั่งรถ หรือหกล้ม 

ถ้ายอกเดี่ยว เป็นข้างขวานวดเน้นสัญญาณ3ท้อง แต่ถ้าเป็นข้างซ้ายนวดเน้นสัญญาณ4ท้อง หมายเหตุแต่ถ้าเป็นยอกหลังคู่นวดเน้นทั้งสัญญาณ3และสัญญาณ4ท้อง และสูตรการนวดทั้งยอกหลังเดี่ยวและยอกหลังคู่ใช้สูตรเดี่ยวกับโรคสัญญาณ 3หลัง คือ สาม สอง หนึ่ง

กลุ่มที่3กลุ่มโรคปวดหลังส่วนล่าง

1.โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ1หลัง มีอาการปวดหลัง บริเวณบั้นเอวหรือกระเบนเหน็บ อาจพบปวดเสียวร้าวชาไปที่สะโพก ก้นย้อย ลงมาถึงหัวเข่า เวลาเดินเข่าเปลี้ย เข่าทรุด เข่าไม่มีกำลัง ปวดใต้หัวเข่าก็ได้แต่อาการปวดจะไม่เลยเข่า....เมื่อมีคำว่าปวดหลัง บริเวณบั้นเอวหรือกระเบนเหน็บปวดเสียวร้าวชาไปที่สะโพกเวลาเดินเข่าเปลี้ย เข่าทรุด เข่าไม่มีกำลัง เท่ากับโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ1หลัง แต่ถ้ามีอาการ ปวดบวม แดงร้อน ที่หลังบริเวณสัญญาณ1หลังจะเป็นโรคลมลำบองสัญญาณ1หลัง   สูตรการเน้นจุดนวดโรคสัญญาณหนึ่งคือหนึ่งสามสอง 

วิธีนวด (1)นวดพื้นฐานขาข้างที่เป็น เปิดประตูลมขา  (2)นวดสัญญาณ1,2,3หลัง เน้นสัญญาณ1 (3)นวดสัญญาณ1,2,3 ขาด้านนอก เน้นสัญญาณ3  (4)นวดสัญญาณ1,2,3เน้นสัญญาณ2

2.โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ3หลัง มีอาการ ปวดหลัง ร้าวชามาที่ขา ปลีน่อง ฝ่าเท้า และนิ้วเท้า  ทำให้ขาไม่มีแรง  โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ3หลัง สูตรนวดคือสามสองหนึ่ง

วิธีนวด (1)นวดพื้นฐานขาข้างที่เป็น เปิดประตูลมขา  (2)นวดสัญญาณ1,2,3หลัง เน้นสัญญาณ3 (3)นวดสัญญาณ1,2,3 ขาด้านนอก เน้นสัญญาณ2  (4)นวดสัญญาณ1,2,3เน้นสัญญาณ1

สาเหตุของโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ1หลัง และโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ3หลัง (1)เกิดจากท่าทางอิริยาบทไม่ถูกต้อง เช่น การนั่ง การทรงตัว  (2)การทำงานหนัก  (3)การนอนที่นอนนุ่ม หรือแข็งเกินไป  (4)ความเครียดทางจิตใจทำให้กล้ามเนื้อหลังเกร็ง  (5)จากอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม การกระทบกระแทกบริเวณหลัง  (6)ความเสื่อมของกระดูกหลัง

การตรวจทางหัตถเวชกรรมโดยการวัดส้นเท้า (1)โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ1หลังขาข้างที่เป็นจะสั้น (2)โรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ3หลังขาข้างที่เป็นจะยาว

กลุ่มที่4โรคเข่า และน่อง

1.โรคลมจับโปงน้ำเข่ามีอาการ ปวด บวม แดง ร้อนที่เข่ามาก และเป็นทั้งข้อเข่า มีน้ำในเข่า บางคนอาจมีอาการไข้เรียกว่าไข้ลมจับโปง...เมื่อมีคำว่าปวด บวม แดง ร้อนที่เข่ามาก และเป็นทั้งข้อเข่า เท่ากับโรคลมจับโปงน้ำเข่า  แต่ถ้าเป็นแค่ด้านนอก หรือด้านในของเข่าจะเป็นโรคลมลำบองเข่า

โรคลมจับโปงน้ำและโรคลมลำบอง ทาปูนแล้วปูนจะเยิ้มไม่แห้ง วัดส้นเท้าขาข้างที่เป็นจะสั้น

สูตรนวดมีสัญญาณหัวเข่า1ถึง3 และกดเน้นสัญญาณ4ขาด้านนอก และสัญญาณ3และ4ขาด้านในแต่ไม่เขยื้อนเข่า

2.โรคลมจับโปงแห้งเข่า มีอาการ ปวด บวม แดง ร้อนที่เข่าเพียงเล็กน้อย แต่จะมีสภาวะเข่าติด ขาโก่ง นั่งยองๆไม่ได้ ขณะเดิน ในเข่าจะมีเสียงดังกร๊อบแกร๊บ อาการปวดมากเวลาเปลี่ยนอิริยาบทและก้าวขึ้นบันได....เมื่อมีคำว่ามีสภาวะเข่าติด ขาโก่ง นั่งยองๆไม่ได้ ในเข่าจะมีเสียงดังกร๊อบแกร๊บ ปวดมากเวลาเดินขึ้นบันได เท่ากับโรคลมจับโปงแห้งเข่า เวลาทาปูนแล้วปูนจะแห้ง วัดส้นเท้าขาข้างที่เป็นจะสั้น

สูตรนวดมีสัญญาณหัวเข่า1ถึง3 และกดเน้นสัญญาณ4ขาด้านนอก และสัญญาณ3และ4ขาด้านในและเขยื้อนเข่า

3.โรคตะคริวน่อง มีอาการ กล้ามเนื้อน่องจะแข็งเป็นก้อนเป็นลำ ปวดตรงบริเวณน่องเหมือนถูกทุบหรือขยุ้มอย่างแรง ปลายเท้าจะเหยียดตรงกระดกขึ้นไม่ได้ การเคลื่อนไหวขา หัวเข่า และข้อเท้า ไใ่สะดวก หรือทำไม่ได้เลย สาเหตุ(1)เกิดจากการไหวเวียนเลือดไม่ดี เช่น ๔ูกอากาศเย็น กล้ามเนื้อถูกรัด หรือพันผ้าไว้นาน (2)เกิดจากความไม่แข็งแรงของกล้ามเนื้อ แล้วถูกใช้งานอย่างหนัก เช่น วิ่งออกกำลังกาย ทำให้เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อและประสาท (3)ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ และความไม่สมดุลของแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส   จุดนวดแก้อาการคือ นวดแนวเส้นกึ่งกลางน่อง

4.ข้อเท้าแพลง เกิดจากอุบัติเหตุ ตำแหน่งที่พบมี3ตำแหน่งคือ (1)ด้านหน้าข้อเท้า พบในลักษณะที่หกล้มแล้วพับไปด้านหลัง  (2)ด้านนอกข้อเท้า พบที่ตาตุ่มด้านด้านนิ้วก้อย  (3)ด้านตาตุ่มด้านใน พบไม่บ่อยแต่รุนแรง .....ข้อเท้าแพลงมี3ระดับ คือ (1)ระดับที่1กล้ามเนื้อพลิกเอ็นข้อต่อยืด หายภายใน7วัน  (2)ระดับที่2มีการฉีกขาดของเอ็นและเนื้อเยื่อ ข้อเท้าเคลื่อน มีอาการบวม แดง ห้อเลือด ทันทีหลังจากข้อเท้าพลิก  (3) ระดับที่3 มีภาวะกระดูกหักหรือแตก มีห้อเลือดและรอยกระดูกแตกหักชัดเจน มักพบกับข้อเท้าแพลงด้านใน ต้องส่งต่อไปโรงพยาบาล)   การนวดเน้นจุดสัญญาณ5ขาด้านใน การเน้นข้อเท้า และการผลักกระดูกที่เคลื่อนให้เข้าที่

5.โรคลมปลายปัตคาตส้นเท้า ปวดส้นเท้าโดยเฉพาะเวลาตื่นนอนตอนเช้า เวลาเดินจะเจ็บที่ส้นเท้า  ถ้าอาการเป็นมากจะเจ็บตลอดเวลา เดินกระเผลก  บางครั้งอาจมีอาการปวดร้าวไปที่ขอบเท้าและเอ็นร้อยหวาย อาจพบก้อนแข็งบริเวณส้นเท้า สาเหตุ (1)เกิดจากการแข็งตัวและการคั่งของเลือดที่ส้นเท้า  (2)มีผังผืดรัดที่บริเวณส้นเท้า หรือมีหินปูนเกาะ  (3)เกิดจากการใช้เท้ามาก เช่น เดินมาก  (4)เกิดจากการอักเสบบริเวณส้นเท้า เช่น เล่นกีฬา หรือกระโโจากที่สูง  (5)เกิดจากความเสื่อมของกระดูกส้นเท้า....การนวดเน้นสัญญาณ5ขาด้านนอก และสัญญาณ2 ถึง5ขาด้านใน และนวดเดินเส้นที่เกี่ยวข้องและรอบจุดเจ็บ

6.โรคลมจับโปงน้ำข้อเท้า  มีอาการปวด บวม แดง ร้อน มีน้ำในข้อ อาการรุนแรงทำให้เป็นไข้ลมจับโปงได้ อาการปวดและบวมต้องเป็นทั้งข้อ... หากแค่ปวดหรือบวมแค่ข้างใดข้างหนื่งจะเป็บโรคลมลำบองข้อเท้า

7.โรคลมจับโปงแห้งข้อเท้า มีอาการ ปวด บวมแดง ร้อนเล็กน้อย บริเวณข้อเท้า อาจพบข้อเท้าติด และมีเสียงดังเวลาเดิน......เมื่อมีคำว่าอาจพบข้อเท้าติด และมีเสียงดังเวลาเดิน เท่ากับโรคลมจับโปงแห้งข้อเท้า การนวดรักษาเน้น สัญญาณ5 ขาด้านนอก และสัญญาณ5ขาด้านใน และนวดรอบจุดเจ็บ

8.โรคสันนิบาตตีนตก มีอาการ ข้อเท้าไม่มีกำลัง เวลาเดินจะสะดุดพื้น เพราะไม่สามารถกระดกปลายเท้าขึ้นหรือลงได้ บางรายอาจมีอาการบวมร่วมด้วย แต่ไม่มีอาการชา ข้อเข่าและข้อสะโพกปกติ  สาเหคุเกิดจากระบบไหลเวียนเลือดไม่สะดวก กระทบร้อนและเย็นมากเกินไป หรือนอนทับข้อเท้านานๆ ประสาทที่เลี้ยงข้อเท้าอ่อนแรง และอาจเกิดจากโรคลมจับโปงข้อเท้าก็เป็นไปได้......เมื่อมีคำว่าข้อเท้าไม่มีกำลัง เวลาเดินจะสะดุดพื้น เท่ากับโรคสันนิบาตตีนตก  การนวดรักษาเน้นสัญญาณ2และ5ขาด้านนอก  กับสัญญาณ2และ5ขาด้านใน

กลุมที่5 กลุ่มอัมพาต

โรคอัมพาต ต้องมีการเคลื่อนหลุดหัวต่อกระดูกจากเบ้าเสมอ

โรคอัมพฤกษ์ หัวต่อกระดูกจะไม่เคลื่อนไม่หลุดจากเบ้า

โรคอัมพาต เป็นโรคที่เกิดจากลมเบื้องสูงกับลมเบื้องต่ำพัดไม่สมดุลกัน (ลมอโธคมาวาตาและลมอุทธังคมาวาตาระคนกัน)

โรคอัมพาตมี5ชนิด คือ ครึ่งซีก  ครึ่งท่อนล่าง ทั้งตัว  เฉพาะแขน และเฉพาะขา

โรคอัมพาต ใช้การนวดพื้นฐานและสัญญาณเป็นหลักตามตำแหน่งและอาการที่เกิด และเริ่มนวดในข้างที่ปกติก่อน แล้วจึงค่อยนวดข้างที่เป็น

โรคอัมพาตที่เหยียดคู้แขนไม่ได้ห้ามกดนวดสัญญาณ2หัวไหล่          และโรคอัมพาตที่เหยียดคู้ขาไม่ได้ห้ามกดนวดสัญญาณ2ขาด้านนอก

กลุ่มที่6 กลุ่มโรคในท้อง

1.โรคมดลูกเคลื่อน มี3ชนิด คือ มดลูกด่ำ  มดลูกตะแครง และมดลูกลอย  โดยจากอาการร่วมกันคือ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดท้องน้อย

 การแยกอาการมดลูกเคลื่อน (1)มดลูกด่ำ มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เวลาไอ จาม หัวเราะ ยกของหนัก ก้าวขึ้นลงบันไดปัสสาวะเล็ด หรือกระปริบกระปรอย  เวลาจามปัสสาวะจะราด กลั้นไม่อยู่ มีปวดหลังร้าวมาท้องน้อย    (2)มดลูกตะแคง มีอาการปวดกระเบนเหน็บร้าวชาออกขา เย็นปลายมือปลายเท้า มีอาการตกขาวไม่คันและไม่มีกลิ่น ตรวจที่สัญญาณ1และ2ท้องจะพบว่าแข็งเป็นลำเป็นเถา  และมีความร้อน   (3)มดลูกลอย จะมีอาการผายลมทางช่องคลอด เวลาเดินจะเสียวช่องคลอด

โรคมดลูกเคลื่อนจะนวดรักษาเหมือนโรคสัญญาณ1หลัง แต่จะนวดสัญญาณ1และ2ท้องและท่าฝืนมดลูก แะสัญญาณ5ท้อง   .....สัญญาณ5ท้อง คือการเปิดประตูลมท้อง

2.โรคดานเลือด มีอาการ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดก้านคอ ชาปลายมือปลายเท้า และมือเท้าเย็นชาไม่มีกำลัง ใจหวิว ใจสั่น  ขี้ร้อนขี้หนาว เหงื่อออกง่าย ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ เป็นลิ่มเป็นก้อน มีสีแดงคล้ำจนดำ และมีก้อนแข็งที่ขั้วมดลูก กินของเย็นมีอาการร้อนคอจุกอก กินของเผ็ดร้อนทำให้มีอาการทุรนทุราย กระสับกระส่ายไม่สบายตัว นอนไม่หลับเบื่ออาหาร ผอมแห้งแรงน้อย คลำที่บริเวณท้องน้อยจะพบก้อนดานเลือด  อยู่ต่ำกว่าบริเวณสะดือ 1นิ้ว เป็นก้อนเท่าไข่แดงอยู่ตรงกลาง หรืออาจพบใหญ่กว่าก็ได้ สาเหตุ(1)สาเหตุขณะมีประจำเดือน เกิดหยุดโดยกระทันหันซึ่งอาจมาจากการกินของเย็น เช่น น้ำแข็ง แตงโม หรือจากความเครียด เป็นต้น (2)เกิดจากการหกล้มก้นกระแทก  (3)เกิดจากลักษณะประจำเดือนเป็นพิษ เช่น คลอดบุตรแล้วไม่ได้อยู่ไฟหรือน้ำคาวปลาเข้าข้อ  โรคดานเลือดเกิดกับผู้หญิงวัยปัจฉิม คือช่วงวัยเจริญพันธ์ หรือช่วงที่ยังมีประจำเดือน  ....คำว่า ดานเลือดหมายถึง ก้อนเลือดประจำเดือนที่ตกค้าง.....เมื่อมีคำว่าชาปลายมือปลายเท้า และมือเท้าเย็นชา ใจหวิว ใจสั่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ เป็นลิ่มเป็นก้อน มีก้อนแข็งที่ขั้วมดลูก คลำที่บริเวณท้องน้อยจะพบก้อนดานเลือด  อยู่ต่ำกว่าบริเวณสะดือ 1นิ้ว เป็นก้อนเท่าไข่แดงอยู่ตรงกลาง  เท่ากับ โรคดานเลือด.....วิธีรักษานวดเช่นเดียวกับโรคสัญญาณ1หลัง สูตร1 3 2 นวดเน้นสัญญาณ 1และ2ท้อง และนวดท่าฝืนมดลูก และสัญญาณ5ท้อง

3.โรคดานลม   มีอาการท้องผูกเป็นประจำ ท้องแข็งเป็นลำ คลำแล้วพบก้อนเป็นเถาดานพรรดึก บริเวณท้องเหนือสะดือซ้ายขวาหรือตรงกลาง อุจจาระแข็งเหมือนขี้แพะ มีอาการใจหวิวใจสั่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับเวลาดึกๆ หรือเช้ามืด  อากาศเย็นทำให้ตื่นขึ้นมาไอ ทำให้เหนื่อย เวียนศรีษะ ปวดศรีษะ หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่แจ่มใส ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ ปวดหลังเป็นประจำ ชาปลายมือปลายเท้าและเย็นเหมือนเป็นเหน็บ เวลาเคาะท้องหรือฟังเสียงจะได้ยินเสียงลมและแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ สาเหตุเกิดจาก (1)ความเสื่อมของร่างกาย (2)ท้องผูกเป็นประจำ....เมื่อมีคำว่ามีอาการท้องผูกเป็นประจำ ท้องแข็งเป็นลำ เป็นเถาดานพรรดึก มีอาการใจหวิวใจสั่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับเวลาดึกๆ หรือเช้ามืด  อากาศเย็นทำให้ตื่นขึ้นมาไอ เท่ากับโรคดานลม วิธีรักษานวดเช่นเดียวกับโรคสัญญาณ3หลัง สูตร 3 2 1 นวดพื้นฐานท้องนวด นวดท่าโกยท้อง นวดสัญญาณ1ถึง5ท้องเน้นสัญญาณ 3และ4ท้อง  และเหนือสะดือ1นิ้ว   ....หมายเหตุ หากเป็นอาการท้องผูก ของเชลยสักดิ์จะไม่มีคำว่าเถาดาน

4.โรคพรายเลือด และโรคพรายย้ำ จัดเป็นโรคตระกูลลมปลายปัตคาต เกิดกับผู้สูงอายุที่มีสภาวะหลอดเลือดเปราะ และผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ก่อนมีรอบเดือนมา (1)โรคพรายเลือด ขึ้นเป็นผื่นสีแดง เป็นจ้ำแดงหรือเขียวก็ได้ ปรากฏตามผิวหนัง อาจมีอาการปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย (2)โรคพรายย้ำ  ขึ้นเป็นผื่นหรือจ้ำสีแดงเข้มหรือสีม่วง ปรากฏตามผิวหนัง มีอาการปวดแสบปวดร้อนเหมือนพรายเลือด และมีอาการคันร่วมด้วยบ้างเล็กน้อย ...วิธีรักษานวดเช่นเดียวกับโรคสัญญาณ1หลัง สูตร1 3 2  นวดพื้นฐานท้องและสัญญาณ 1 2 3 4 5ท้อง

5.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนวดไทยบำบัด(นวดรักษา) 14โรค เอกสารจัดทำเพื่อผู้พิการทางสายตาเพื่อการอ่านโดยใช้แอพพลิเคชั่นเสียง

การนวดพื้นฐาน 95ท่า หนังสือผ่านแอพพิเคชั่นเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา

ความพร้อมกับการสอบปฏิบัตินวดไทยสิบสี่อาการ กลุ่มอาการที่สี่