กายวิภาคสาตร์และสรีระวิทยา หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 255ชั่วโมงสำหรับคนตาบอด ตอนที่1 ระบบผิวหน้ง และระบบกล้ามเนื้อ

 กายวิภาคศาสตร์ เป็นแขนงหนึ่งของวิชาชีววิทยา ซึ่งศึกษาให้รู้และเข้าใจในรูปร่างลักษณะ และตำแหน่งของอวัยวะในร่างกาย

สรีรวิทยา  ซึ่งเป็นวิชาที่ศึกษาให้รู้ถึงหน้าที่และการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆในร่างกาย

พยาธิวิทยา ซึ่งเป็นวิชาที่ศึกษาให้รู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทำให้สามารถวางแผนการนวดได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ระบบผิวหนัง

1.ผิวหนังเป็นเนื้อเยื่อห่อหุ้มร่างกายที่อยู่ชั้นนอกสุด  โดยผิวหนังของผู้ใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ  1.6 ถึง 1.8 ตารางเมตร หนักประมาณ 3.5 ถึง 4.5กิโลกรัม มีความหนา 2 ถึง 3 มิลลิเมตร 

2.ภายในชั้นผิวหนังมีปลายประสาทรับความรู้สึกจำนวนมาก เพื่อรับรู้การสัมผัส การกด ความเจ็บ และอุณหภูมิร้อนเย็น และหน้าที่สำคัญ ๆ อีกหลายอย่าง

3.ผิวหนังแบ่งตามโครงสร้างออกได้เป็น  2  ชั้นคือ ชั้นหนังกำพร้า และ ชั้นหนังแท้ 

 4.ผิวหนังชั้นหนังกำพร้า  เป็นผิวหนังที่อยู่ชั้นบนสุด คลุมอยู่บนหนังแท้ บริเวณที่บางสุดคือรอบดวงตา บริเวณที่หนาสุดคือฝ่าเท้า 

5.หนังกำพร้าประกอบด้วยเซลล์เรียงซ้อนกันเป็นชั้นบาง ๆ อีก 5 ชั้นย่อย โดยเซลล์ชั้นในจะเลื่อนตัวดันเซลล์ชั้นบนหรือชั้นนอกสุด ให้หลุดเป็นขี้ไคลออกไป ผิวหนังชั้นนี้ไม่มีหลอดเลือด เส้นประสาทรวมถึงต่อมต่าง ๆ หากผิวหนังชั้นนี้ได้รับอันตราย เราจะไม่รู้สึกแต่อย่างใด

6. หนังกำพร้าจะเป็นทางผ่านของรูเหงื่อ เส้นขนและไขมัน ชั้นนี้จะมีเซลล์สร้างเม็ดสี ที่เรียกเมลาโนไซต์  คอยสร้างเม็ดสี ที่เรียกว่า เมลานีน 

7.ผิวหนังชั้นหนังแท้  เป็นผิวหนังที่อยู่ชั้นล่างถัดจากชั้นหนังกำพร้า มี 2 ชั้นย่อย ผิวหนังชั้นนี้ประกอบด้วยเนื้อเยื่อคอลลาเจน   อีลาสติน  และตัวประสานเนื้อเยื่อไฮยารูรอน ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง และมีความยืดหยุ่นโดยมีหลอดเลือดฝอย ปลายประสาทรับความรู้สึก ระบบประสาทอัตโนมัติควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ และรากขน/ผม กระจายอยู่ทั่วไปในชั้นหนังแท้

 8.ชั้นใต้ผิวหนัง  อยู่ในสุดของชั้นผิวหนัง ประกอบด้วยไขมัน คอลลาเจน หลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยง ความหนาของชั้นใต้ผิวหนังจะแตกต่างกันไปตามอวัยวะ และเพศ ช่วยในการรับแรงกระแทก เป็นฉนวนกันอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง และยึดเหนี่ยวระบบผิวหนังไว้กับร่างกาย

 9.หน้าที่ของผิวหนัง

1ป้องกันและปกปิดอวัยวะภายในไม่ให้ได้รับอันตราย

2ป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง

3ป้องกันไม่ให้น้ำภายนอกซึมเข้าไปในร่างกาย และน้ำในร่างกายระเหยออกไป

4ขับเหงื่อซึ่งเป็นของเสียออกจากร่างกาย ทางต่อมเหงื่อ

5ช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ ผ่านทางหลอดเลือดฝอยและการระเหยของเหงื่อ

6รับความรู้สึกสัมผัส เช่น ร้อน หนาว เจ็บ เป็นต้น

7ช่วยสร้างวิตามินดีให้แก่ร่างกาย โดยแสงแดดจะเปลี่ยนไขมันที่ผิวหนังให้เป็นวิตามินดีได้ (ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จากผิวหนังเมื่อโดนแสงแดด “วิตามินดี” มีประโยชน์ช่วยดูดซึมแคลเซียมที่รับประทานเข้าไปเสริมสร้างกระดูก และป้องกัน โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง)

 

10.ส่วนของผิวหนังที่เปลี่ยนรูปแบบได้แก่ ขน ผม เล็บ ต่อมเหงื่อ และต่อมไขมัน เป็นต้น

11.เล็บ พัฒนามาจากหนังกำพร้า เป็นแผ่นแข็งยืดหยุ่นได้ มีลักษณะโปร่งแสง ส่วนที่ยื่นพ้นปลายนิ้ว ไม่มีหลอดเลือดและเส้นประสาทมาเลี้ยง ทำให้สามารถตัดเล็บได้ ส่วนที่ฝังอยู่ในผิวหนังเรียก รากเล็บ ด้านใต้ของเล็บมีปลายประสาทและหลอดเลือดมาเลี้ยงมาก การงอกของเล็บเฉลี่ย 1 มิลลิเมตรต่อสัปดาห์ โดยเล็บเท้างอกช้ากว่าเล็บมือ

ระบบกล้ามเนื้อ

1.หน้าที่กล้ามเนื้อ 

    1.ช่วยให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้และทำกิจกรรมต่างๆได้

    2.ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น การหายใจ การเต้นของหัวใจ การย่อยอาหาร และช่วยในการหดรัดบีบตัวของ กระเพาะ ลำไส้ และเส้นเลือด

    3.ป้องกันอวัยวะภายใน เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง

2.คุณสมบัติของกล้ามเนื้อ

      1. การหดตัวเป็นความสามารถในการหดตัวของกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อจะหดตัวเมื่อได้รับ การกระตุ้นและ ทำให้เกิดงานหรือการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆ

      2. การยืดตัว ความสามารถในการถูกยืด โดยไม่เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อ
      3. การยืดหยุ่นได้  ความสามารถในการยืดหยุ่นได้คล้ายยาง เมื่อกล้ามเนื้อถูกยืดออกแล้วกล้ามเนื้อสามารถ คืนสู่ สภาพเดิมได้
     4. การตอบสนองต่อสิ่งเร้า  ความสามารถที่จะตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่มีมากระตุ้นไม่ว่าตัวกระตุ้นภายใน หรือภาย นอกร่างกาย
3.ร่างกายแบ่งกล้ามเนื้อออกเป็น 3 ชนิด คือ กล้ามเนื้อลาย  กล้ามเนื้อเรียบ และกล้ามเนื้อหัวใจ
4.กล้ามเนื้อลาย  เป็นกล้ามเนื้อที่เกาะติดกับโครงกระดูกหรือกล้ามเนื้อลาย เช่น   กล้ามเนื้อแขนกล้ามเนื้อขา จึงทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกายโดยตรงการทำงานของกล้ามเนื้อชนิดนี้ ร่างกายสามารถ บังคับได้ซึ่งถือว่าอยู่ในอำนาจจิตใจ 
5. กล้ามเนื้อเรียบเป็นกล้ามเนื้อที่พบอยู่ตามอวัยวะภายในทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะย่อยอาหารและอวัยวะภายในต่างๆ เช่นกระเพาะอาหาร ลำไส้ หลอดเลือด การทำงานของกล้ามเนื้อเรียบ ถูกควบคุมโดยระบบประสาท อิสระ (อยู่นอกเหนืออำนาจของจิตใจ)
6.กล้ามเนื้อหัวใจประกอบเป็นกล้ามเนื้อหัวใจเพียงแห่งเดียวอยู่นอกอำนาจจิตใจโดยควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติ มีลักษณะมีลายคล้ายกล้ามเนื้อลายแต่ทำงานคล้ายกล้ามเนื้อเรียบ
7.กล้ามเนื้อมีน้ำหนักประมาณ ร้อยละ40-50 ของน้ำหนักตัว
8.กรดแลคติก ในกล้ามเนื้อเป็นสาเหตุของอาการปวด เมื่อย และล้าของกล้ามเนื้อ
9.กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า เป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่เกาะบริเวณศรีษะ ใบหน้าและคอ
10.กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ในการบดเคี้ยว ช่วยในการบดเคี้ยวอาหาร
11.กล้ามเนื้อที่ช่วยในการเคลื่อนไหวลิ้น จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของลิ้นขณะพูดคุย เคี้ยวหรือกลืนอาหาร
12.กล้ามเนื้อลูกตามีทั้งหมด 6มัด ช่วยในการกลอกลูกตาไปมา และจับนิ่งอยู่กับที่
13.กล้ามเนื้อบริเวณคอ ช่วยในการเคลื่อนไหวศรีษะ ลำคอ
14.กล้ามเนื้อที่ช่วยในการเคลื่อนไหวศรีษะ ช่วยในการก้ม หมุนศรีษะและคอ
15.กล้ามเนื้อที่ช่วยในการเคลื่อนไหวสันหลัง ซึ่งรวมกันหลายมัด เพื่อทำหน้าที่ในการยึกกระดูกสันหลัง และช่วยในการเคลื่อนไหวลำตัว
16.กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ เป็นกล้ามเนื้อที่หดและคลายตัวตลอดเวลา เพื่อช่วยในการหายใจ
17.กล้ามเนื้อของผนังหน้าท้อง ช่วยประคับประคองอวัยวะต่างๆภายในช่องท้อง
18.กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ช่วยประคับประคองอวัยวะต่างๆภายในช่องท้อง
19.กล้ามเนื้อบริเวณไหล่ ช่วยในการเคลื่อนไหวไหล่
20.กล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวต้นแขน ทำหน้าที่ในการงอ และเหยียดข้อศอก
21.กล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวปลายแขน และมือ ทำหน้าที่ในการคว่ำและหงายฝ่ามือ งอและเหยียดข้อมือและนิ้วมือ
22.กล้ามเนื้อมือ อยู่ภายในฝ่ามือ ช่วยในการงอและเหยียดนิ้วมือ
23.กล้ามเนื้อบริเวณสะโพก ช่วยปกคลุมสะโพก
24.กล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวต้นขา ช่วยในการเคลื่อนไหวข้อสะโพกและลำตัวในขณะวิ่งหรือก้าวเดิน การหุบและกางขา
25.กล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวปลายขาและเท้า ทำหน้าที่ในการงอและเหยียดข้อเข่าและข้อเท้า
26.กล้ามเนื้อเท้า อยู่ภายในฝ่าเท้า ช่วยในการงอและเหยียดนิ้วเท้า
27.กล้ามเนื้อน่อง ทำหน้าที่เขย่งปลายเท้าและงอเข่า ช่วยในการเดิน ปลายกล้ามเนื้อน่องจะเป็นเอ็นร้อยหวายยึดติดกับกระดูกส้นเท้า
28.กล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระดกปลายเท้า จะอยู่ข้างหน้าแข้ง
29.ตะคริว เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหดเกร็งโดยที่ร่างกายไม่ได้สั่งและไม่สามารถควบคุมให้คลายหรือหย่อนตัวลงได้ ทำให้เกิดความเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อมัดนั้นๆอย่างรุนแรง โดยการหดเกร็งนี้จะค่อยๆคลายตัวไปเองทีละน้อย


 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนวดไทยบำบัด(นวดรักษา) 14โรค เอกสารจัดทำเพื่อผู้พิการทางสายตาเพื่อการอ่านโดยใช้แอพพลิเคชั่นเสียง

การนวดพื้นฐาน 95ท่า หนังสือผ่านแอพพิเคชั่นเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา

ความพร้อมกับการสอบปฏิบัตินวดไทยสิบสี่อาการ กลุ่มอาการที่สี่