ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ความพร้อมกับการสอบปฏิบัตินวดไทยสิบสี่อาการ กลุ่มอาการที่สี่

 ตอนที่4 กลุ่มอาการขา สะโพก เข่า  น่อง เท้า

1.เจ็บ ปวด เสียว เสียด  ขัดที่ข้อขาหรือเข่า เวลางอหรือเหยียดข้อเข่า เวลาลุกขึ้นยืนหรือเวลาเดิน หรือเหยียดขาได้ไม่เต็มที่เวลายืนหรือเดิน ทำให้เดินลำบาก ขึ้นลงบันไดลำบาก หรือเจ็บ ปวด เสียว เสียด  ขัดที่ข้อขาหรือเข่า เวลางอหรือเหยียดข้อเข่า......อาการปวดขา เข่า(ประโยคที่ระบุชื่อโรค คือ เจ็บ ปวด เสียว เสียด  ขัดที่ข้อขาหรือเข่า เวลางอหรือเหยียดข้อเข่า เจ็บ ปวด เสียว เสียด  ขัดที่ข้อขาหรือเข่า เวลางอหรือเหยียดข้อเข่า)

สาเหตุ...1.การยืนหรือเดินเป็นเวลานาน   2.การยืนเดินใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ    3.การนั่งขับรถนานๆ   4.การยกของหนักเป็นประจำ หรือนานเกินไป  5.น้ำหนักตัวมากทำให้มีแรงกดในข้อเข่ามาก

การซักถามและตรวจร่างกาย...1.ซักถามถึงสาเหตุที่ทำให้ปวดขา เข่า   2.ให้ผู้ป่วยแสดงท่าทางในชีวืตประจำวันที่ทำให้ปวดขา เข่า แล้วให้ผู้ป่วยชี้ตำแหน่งที่ปวด     3.ตรวจความโก่งของข้อเข่า  4.ตรวจการงอเข่า และการเหยียดเข่า  4.การตรวจสะบ้าเข่า   5.สัมผัสและคลำกล้ามเนื้อ และเอ็น บริเวณข้อเข่าพร้อมประเมินอาการ บวม แดง ร้อน ความอ่อน ความแข็ง

ข้อห้าม....ถ้ามีอาการต่อไปนี้ ควรแนะนำผู้ป่วยให้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจวินิจฉัย 1.ปวดร้าว เสียวขา จากหลังลงมาตามขาด้านหลัง น่อง และเท้า ให้สงสัยว่ามีการกดทับที่รากประสาทช่วงบั้นเอว  2.เคลื่อนไหวขาได้ลำบากข้อเข่าผิดรูปหลังได้รับอุบัติเหตุ     3.เดินแล้วข้อเข่าสะดุด ติดในท่างอเข่า อาจเกิดจากหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาด ถ้ามีอาการต่อไปนี้ห้ามนวด   4.หลังผ่าตัดขาหรือข้อเข่า    5.มีอาการบวมแดงร้อนบริเวณข้อเข่า ข้อเท้า หรือข้อสะโพก

ท่ากายบริหาร......1.นั่งเหยียดขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า งอเข่าขวาวางฝ่าเท้าพาดไว้ที่เข่าซ้าย ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดแนวชิดกระดูกหน้าแข้งด้านใน โดยวางนิ้วขนานกับแนวกระดูก  2.แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลัง จากเหนือเอ็นร้อยหวายขึ้นไปผ่านกึ่งกลางน่องถึงใต้พับเข่า  3.นั่งเหยียดขาข้างหนึ่งใช้มือข้างเดียวกันกับขาข้างที่เหยียดจับปลายเท้าไว้ มืออีกข้างกดเข่าไว้ไม่ให้งอ หายใจเข้า หายใจออก ก้มตัวให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติ สามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำสลับข้าง    4.นั่งเหยียดขาทั้งสองข้าง ใช้มือทั้งสองข้างจับปลายเท้าไว้ โดยไม่งอเข่า หายใจเข้า หายใจออกก้มตัวให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติ สามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก

ข้อควรระวัง....1ควรระมัดระวังในการดัดดึงข้อเข่า  ห้ามกระตุกข้อเข่า  2ควรระมัดระวังในการนวดผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกพรุน เช่นสตรีวัยหมดประจำเดือน

จุดบังคับมี

๑.แนวขาด้านนอกบนและล่างมีสามแนว

๒.แนวขาด้านหลัง บนและล่างมีสองแนว

๓.แนวขาด้านในบนและล่างมีสองแนว

๔.แนวฝ่าเท้าหนึ่งแนว

๕.จุดนวดด้านหน้าเข่า มี๘จุด(เหนือสาม ข้างสอง ใต้สาม)

๖.จุดนวดด้านหลังเข่ามีสี่จุด (เหนือสอง กลางหนึ่ง ใต้หนึ่ง)

วิธีนวด

    ๑คนไข้นอนหงาย เหยียดขา จับปลายเท้าตั้งขึ้น  ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านในหนึ่ง(ช่วงแข้ง)

    ๒งอเข่าของคนไข้ใช้ฝ่ามือซ้อนกัน กดตามแนวขาด้านในหนึ่ง(ช่วงต้นขา)

    ๓ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกหนึ่ง(ช่วงแข้ง)โดยวางนิ้วให้ขนานกับแนวกระดูกหน้าแข้ง

    ๔ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสอง(ช่วงแข้ง)

    ๕ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสาม (ช่วงแข้ง)

    ๖ใช้ส้นมือซ้อนกัน กดจุดแนวต้นขาด้านนอกหนึ่ง(ช่วงต้นขา)

    ๗ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันกดจุดแนวขาด้านนอกสอง (ช่วงต้นขา)

    ๘ใช้หัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสาม(ช่วงต้นขา)

    ๙ใช้ส้นมือทั้งสอง กดจุเหนือหัวเข่า

    ๑๐ ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดเหนือข้างเข่าด้านนอก

    ๑๑ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดข้างเข่าด้านนอก บริเวณร่องระหว่างกระดูกขาท่อนบนและท่อนล่าง

    ๑๒ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดใต้สะบ้าด้านนอก

    ๑๓ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดเหนือข้างเข่าด้านใน

    ๑๔ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดข้างเข่าด้านในบริเวณร่องระหว่างกระดูกขาท่อนและท่อนล่าง

    ๑๕ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดใต้สะบ้า(ด้านใน)

    ๑๖ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดใต้สะบ้า(ตรงกลาง)

    ๑๗ใช้ศอกกดจุดแนวฝ่าเท้าหนึ่ง โดยเน้นจุดสุดท้ายก่อนถึงส้นเท้า

    ๑๘ใข้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดเหนือพับเข่าหนึ่งฝ่ามือ

    ๑๙ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดเหนือพับเข่าสองนิ้วมือ

๒๐ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดกลางพับเข่า มืออีกข้างจับข้อเท้ายกขึ้นประมาณสี่สิบห้าองศา

๒๑ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดใต้พับเข่าก่อนถึงข้อพับเข่าสองนิ้วมือ

๒๒ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังหนึ่ง

๒๓ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังสอง(ช่วงแข้ง)

๒๔ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังสอง(ช่วงต้นขา)

๒๕ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังหนึ่ง(กึ่งกลางต้นขา)

๒๖ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังหนึ่ง(กึ่งกลางน่อง)จากเอ็นร้อยหวายขึ้นไปจนถึงใต้พับเข่า

๒๗ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังหนึ่ง(กึ่งกลางต้นขา)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.มีอาการเจ็บ ปวด เสียว เสียด ขัดที่บริเวณข้อสะโพก หรือข้างกระเบนเหน็บ อาจปวดบั้นเอว ปวดเข่า ปวดขา ดึงร้าวขา ขาอ่อนแรง และชาขาร่วมด้วย...อาการปวดสะโพก สลักเพชร (ประโยคที่ระบุชื่อโรค คือเจ็บ ปวด เสียว เสียด ขัดที่บริเวณข้อสะโพก หรือข้างกระเบนเหน็บ)

สาเหตุ....1.นั่งทำงานนานๆ  2.เขย่งเท้าหยิบของจากที่สูง  3.ใช้สะโพกทำงานหนักเกินไป เช่น ยกของหนัก   4.ลื่นหกล้มก้นกระแทก   5.ความเสื่อมของข้อสะโพก

การซักถามและตรวจร่างกาย....1.ขักถามเรื่องพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดสะโพก สลักเพชร  2.ให้ผู้ป่วยแสดงท่าทางในชีวืตประจำวันที่ทำให้ปวดสะโพก สลักเพชร แล้วให้ผู้ป่วยชี้ตำแหน่งที่ปวด    3.ตรวจโครงสร้างของกระดูกสันหลังว่าเอียงหรือคตหรือไม่  4.ตรวจดูขอบกระดูกเชิงกรานว่าเอียงผิดปกติหรือไม่   5.ตรวจความยาวของขาทั้งสองข้างโดยข้างที่ปวดจะสั้นกว่าข้างปกติ

การตรวจข้อต่สลักเพชร.....ให้ผู้ป่วยนอนหงายพับข้อเข่า หมุนข้อสะโพกออกด้านนอก วางข้อเท้าบนเข่าของขาข้างที่เหยียด (ขาไขว้กันเป็นเลขสี่) ผู้ตรวจใช้มือกดที่หัวเข่าแล้วใช้มืออีกข้างกดที่สะโพกของขาข้างที่เหยียดตรง สอบถามว่าปวดเสียวขัดบริเวณข้อต่อระหว่างกระดูกกระเบนเหน็บและกระดูกเชิงกราน (ข้อต่อสลักเพชร)หรือไม่

ท่ากายบริหาร...1.ท่าอุ้มลูก  นั่งขัดสมาธิสอดแขนทั้งสองข้างไว้ใต้หน้าแข้งเตรียมยกขึ้น หายใจเข้า แล้วหายใจออก ยกขาขึ้นเข้าหาตัวมากที่สุด หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำเช่นเดียวกันกับขาอีกข้าง   2.ท่าท่าผีเสื้อ นั่งตัวตรง งอเข่าทั้งสองข้างให้ฝ่าเท้าประกบกัน มือทั้งสองข้างจับหลังเท้า ค่อยๆดันเท้าที่ประกบกันนั้นเข้าหาฝีเย็บ หายใจเข้า แล้วหายใจออก ก้มตัวลงให้คางแนบกับปลายเท้า หายใจเข้าออกปกติ สามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก

ข้อแนะนำ...1.ห้ามยกของหนัก  2.ห้ามนอนไขว่ห้าง  3.ห้ามเดินก้าวขาขึ้นที่สูง   4.งดการร่วมเพศจนกว่าจะหายดี

จุดบังคับ..... ๑.แนวอุ้งเชิงกราน และจุดหัวตะคาก  ๒.จุดรัตตะคาต จุดปัตคาต และจุดสันทะคาต   ๓.จุดสลักเพชร และจุดใต้ขาหนีบ   ๔.แนวเกลียวข้าง แนวโค้งเชิงกราน จุดสลักเพชรใน แนวข้างกระเบนเหน็บ   ๕.จุดใต้ปลายมือ (อยู่บนแนวขาด้านหลังสองใต้ปลายมือคนไข้) และจุดใต้ปลายปลายมือ สองนิ้วมือ(อยู่บนแนวขาด้านหลังสอง ใต้ปลายมือของคนไข้สองนิ้วมือ)  และจุดใต้สะบ้าสี่นิ้วมือ(อยู่ข้างกระดูกหน้าแข้งใต้สะบ้าสี่นิ้วมือ)   และจุดข้างตาตุ่มนอก   และจุดขอบฝ่าเท้าด้านนอก

วิธีนวด...๑.นวดขา โดยใช้ท่านวดพื้นฐานท่าที่หนึ่งถึงท่าที่ยี่สิบสี่     ๒.โกยท้อง ตามแนวอุ้งเชิงกราน ใช้ส้นมือกดดันออกไปทางสะดือ และใช้ปลายนิ้วมือโกยท้องเข้ามาหาสะดือ  ๓.ใช้ศอกจุดปัตคาต  ๔.ใช้ศอกกดจุดรัตคาต  ๕.ใช้ศอกกดจุดสันฑะคาต  ๖.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดแนวหลังพนึ่ง  ๗.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดแนวหลังสอง  ๘.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวเกลียวข้าง  ๙.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแก้ยอกสะโพก ซึ่งอยู่บนแนวเกลียวข้าง  ๑๐.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดสลักเพชรใน  ๑๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดขอบฝ่าเท้าด้านนอก  ๑๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดข้างตาตุ่มนอก แล้วกดจุดแนวขาด้านหลังสอง(ช่วงน่อง)  ๑๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสอง และกดจุดใต้สะบ้าสี่นิ้วมือ  ๑๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดใต้ปลายมือสองนิ้วมือ  ๑๕.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดใต้ปลายมือของคนไข้  ๑๖.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดหน้าหัวตะคาก  ๑๗.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดหลังปุ่มกระดูกเชิงกรานด้านหน้า(หัวตะคาก) แล้วกดตามแนวโค้งเชิงกรานด้านหลังลงมาจนถึงแนวข้างกระเบนเหน็บ  ๑๘.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดใต้ขาหนีบ ของต้นขาด้านใน   ๑๙.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดสลักเพชร (ห้ามกดขยี้โดยเด็ดขาด)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

3.กล้ามเนื้อส่วนที่เป็นตะคริวจะแข็งเกร็ง ถ้าขยับจะยิ่งแข็งและปวดมากขึ้น ทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อตามมา พบบ่อยบริเวณน่อง นิ้วมือ นิ้วเท้า  ถ้าเป็นที่ท้องจะมีอันตรายมาก และมักพบในนักกีฬา กรรมกร หญิงมีครรภ์ และหญิงวัยหมดประจำเดือน....เป็นตะคริว (ประโยคที่ระบุชื่อโรค คือ กล้ามเนื้อส่วนที่เป็นจะแข็งเกร็ง  ถ้าขยับจะยิ่งแข็งและปวดมากขึ้น ถ้าเป็นที่ท้องจะมีอันตรายมาก และมักพบในนักกีฬา กรรมกร หญิงมีครรภ์ และหญิงวัยหมดประจำเดือน)

ตะคริว หมายถึงการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อบางมัด หรือหลายมัดอย่างรุนแรงต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน โดยไม่ได้ตั้งใจทำ

สาเหตุ....1.เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่เพียงพอเช่น ใส่ถุงเท้ารัดแน่นเกินไป   2.กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอที่จะออกแรงทำงานมากและอย่างฉับพลันทันที   3.ใส่รองเท้าส้นสูง ทำให้กล้ามเนื้อน่องเกร็งตัวเป็นเวลานานๆ  4.เกิดภาวะการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกายมาก  5.ร่างกายเสื่อมตามวัย เช่นหญิงวัยหมดประจำเดือน

การซักถามและตรวจร่างกาย....1.ซักถามลักษณะของการเกิดตะคริว และลักษณะของการปวด   2.ใช้มือคลำบริเวณที่เป็นตะคริว

ท่ากายบริหาร...ท่าที่1 นั่งเหยียดขาข้างหนึ่ง ใช้มือข้างเดียวกับขาข้างที่เหยียดจับปลายเท้าไว้ มืออีกข้างกดเข่าไว้ไม่ให้งอ หายใจเข้า หายใจออก ก้มตัวไปข้างหน้าให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติ สามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำเช่นเดียวกันกับขาอีกข้าง     ท่าที่2นั่งเหยียดขาทั้งสองข้าง ใช้มือทั้งสองจับปลายเท้าไว้ โดยไม่งอเข่า หายใจเข้า หายใจออก  แล้วก้มตัวไปข้างหน้าให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้า ครั้ง แล้วผ่อนออก

ข้อแนะนำ...1.บริหารร่างกายยืดเส้นสายก่อนออกกำลังกาย    2.ควรดื่มน้ำหวานผสมเกลือเล็กน้อย  3.เมื่อเป็นตะคริวควรยืดกล้ามเนื้อส่วนที่เกร็งตัวอย่างนุ่มนวลโดยเพิ่มแรงยืดทีละน้อยจนยืดได้สุด แล้วยืดค้างไว้สักครู่ จนกว่ากล้ามเนื้อจะคลายตัวลง   4.ควรนวดคลึงเบาๆ สลับกับการยืดกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวเร็วขึ้น   5.ถ้าเป็นตะคริวขณะเข้านออนตอนกลางคืนบ่อยๆควรให้ดื่มนมอุ่นและนอนยกขาสูงประมาณสี่นิ้ว

จุดบังคับ...๑.จุดใต้าสะบ้า อยู่ใต้หัวเข่าสี่นิ้วมือ   ๒.แนวขาด้านนอกสองและสาม ช่วงแข้ง   ๓.จุดกลางน่อง   ๔.แนวขาด้านหลังหนึ่ง ช่วงน่อง

วิธีนวด....๑.ใช้มือข้างหนึ่งจับเหนือเข่า มืออีกข้างจับส้นเท้า ยกและดันปลายเท้าขึ้น   ๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสอง ช่วงแข้ง  และกดเน้นจุดใต้สะบ้าสี่นื้วมือ   ๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสาม ช่วงแข้ง   ๔.หมอนั่งปลายเท้าคนไข้ ใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้าง สาวน่องตามแนวขาด้านหลังหนึ่ง โดยเน้นจุดกลางน่อง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

4.มีอาการบาดเจ็บหลังข้อเท้าแพลงทันที จะมีอาการเจ็บที่ข้อเท้า เจ็บมากเวลาเคลื่อนไหวข้อเท้า หรือใช้นิ้วกด ต่อมาจะบวม แดง และ ร้อน.....อาการข้อเท้าแพลง (ประโยคที่บอกชื่อโรคคือ มีอาการเจ็บที่ข้อเท้า หลังจากที่เท้าพลิก หรือบิดแพลงทันที เจ็บมากเวลาเคลื่อนไหวข้อเท้า)

ข้อเท้าแพลงด้านนอก หมายถึง อาการยืดหรือฉีกขาดของพังผืด หรือกล้ามเนื้อที่ยึดข้อเท้าด้านนอก

สาเหตุ....1.หกล้ม ถูกกระแทก หรือยกของหนัก แล้วข้อเท้าบิดแพลง   2.ใส่รองเท้าส้นสูง เวลาเดินลงน้ำหนักผิดพลาด ทำให้ข้อเท้าบิดแพลง  3.มีน้ำหนักตัวมากเกินไป  4.ขับรถเกร็งข้อเท้าเวลานานๆ   5.เป็นโรคเกี่ยวกับข้อ บริเวณเท้า แล้วทำให้ข้อเท้าไม่แข็งแรง

การซักถามและตรวจร่างกาย....1.ซักถามถึงลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เท้าบิดแพลง และลักษณะของอาการปวด   2.ซักถามถึงความบ่อย ของอาการปวดข้อเท้าและการบิดแพลงของเท้า  3.ใช้มือคลำบริเวณข้อเท้า ประเมินลักษณะอาการ บวม แดง ร้อน และรอยฟกช้ำว่าเป็นสีแดงหรือสีเขียว

การปฐมพยาบาล...1.หลังการบาดเจ็บ ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงแรก ควรประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำเย็น เพื่อให้เลือดหยุดไหลข้างในลดอาการบวมและปวด ทำสามครั้งในช่วงยี่สิบสี่ชั่วโมงแรก แล้วเอาผ้าพันยึดรอบข้อเท้า พักการใช้ข้อเท้า และให้ยกข้อเท้าข้างที่เป็นให้สูงเวลานั่งหรือนอน  2.หลังพ้นยี่สิบสี่ชั่วโมงแรก ควรประคบด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ครั้งละสิบห้าถึงสามสิบนาที วันละสองถึงสามครั้ง อาจใช้ยาหม่องร้อนทาถูบริเวณนั้น นวดบริเวณสันหน้าแข้ง และบริเวณน่อง แล้วใช้ผ้าพันยึดที่ข้อเท้าพอแน่น และยกข้อเท้าที่แพลงให้สูง  3.ถ้ามีอาการปวดบวมมากขึ้น หรืออาการไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ หรือสงสัยว่ากระดูกหัก หรือข้อเท้าแพลงด้านใน ไม่ควรนวดให้ส่งโรงพยาบาล

ข้อห้ามในการนวด....1.ไม่นวดบริเวณที่อักเสบ ให้นวดจากบริเวณที่อยู่ไกลจากข้อที่แพลงก่อน แล้วจึงนวดบริเวณข้างเคียงข้อที่แพลง  2.ในกรณีที่ข้อเท้าแพลงจากข้อเท้าไม่แข็งแรง แนะนำให้กดนวดข้อเท้าแพลงด้วยลูกประคบ ไม่ใช้นิ้วมือกด เพราะจะช้ำและระบมได้ง่าย

ข้อแนะนำ...1ควรพักการใช้งานข้อเท้าข้างที่แพลง จนกว่าจะหายเป็นปกติ    2.บริหารข้อเท้าโดยการการกระดกข้อเท้าขึ้นและลง   และหมุนข้อเท้า     3.แช่เท้าในน้ำอุ่นใส่ต้นตะไคร้ทุบพอแหลก ห้าต้น    4.การลดน้ำหนักตัว

จุดบังคับ

๑.แนวขาด้านอกหนึ่งและสอง และสาม ช่วงแข้ง

๒.แนวขาด้านหลังหนึ่งและสอง ช่วงน่อง

๓.ขุดหน้าข้อเท้า

วิธีนวด

๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกหนึ่ง ช่วงแข้ง

๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสอง ช่วงแข้ง

๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านนอกสาม ช่วงแข้ง

๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังหนึ่ง ช่วงน่อง

๕.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวขาด้านหลังสอง 

๖.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดหน้าข้อเท้า

๗.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดเจ็บที่ข้อเท้าเบาเบา แล้วใช้มืออีกข้างจับเท้าหมุนข้อเท้า

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

สมุนไพรในลูกประคบ.... 1.เหง้าไพลสด รสฝาดขื่นเอียน แก้ฟกช้ำบวม  2.เหง้าขมิ้นอ้อย รสฝาดเฝื่อน แก้ฟกบวม  3.เหง้าขมิ้นชัน รสฝาดเอียน แก้ผื่นคัน สมานแผล   4.ต้นตะไคร้ รสปร่ากลิ่นหอม  แก้ปวดเมื่อย   5.ใบมะขาม รสเปรี้ยวฝาด แก้ฟกบวม

สิ่งที่ใช้มากที่สุดในลูกประคบคือ.... เหง้าไพล

ประโยชน์ของการประคบสมุนไพร...1.แก้ปวดเมื่อย แก้เส้นตึง แก้เคล็ดขัดยอกฟกช้ำบวม  2.แก้นมคัดในหญิงหลังคลอด ช่วยให้น้ำนมเดินสะดวก   3.ช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย อัมพฤกษ์ อัมพาต

ยากษัยเส้น.....เบญจกูล(ดอกดีปลี  รากช้าพลู เหง้าขิง  เถาสะค้าน รากเจตมูลเพลิงแดง)  กินเพื่อบรรเทาอาการปวดหลัง

ยาแก้ลมอัมพฤกษ์...เหง้าไพล พริกไทยล่อน ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ การบูร  กินเพื่อบรรเทาอาการปวดตามเส้นเอ็น

ยาธรณีสันฑะฆาต...ยาดำสะตุ ลูกสมอไทย ลูกมะขามป้อม ลูกจันทน์ ดอกจันทน์  กินเพื่อแก้กษัยเส้น(เป็นยาถ่าย)

ยาจากคัมภีร์โรคนิทานคำฉันท์....

  1.ยาพอกแก้ลมขึ้นขบเบื้องสูง และลมจะโปง

ยอดกุ่มน้ำ ยอดตะขบ ยอดศรี ยอดเจตมูล อย่างละเจ็ดยอด

 ดองดึง ขิง กระเทียม พริกไทย อย่างละพอประมาณ ใส่หม้อดินเผาให้เกรียม แล้วเคล้ากับสุรา

2.ยาทาแก้ลมปะกัง  พริก ขิง เมล็ดมะนาว ดีงูเหลือม เกลือ บดแล้วทำเป็นแท่ง แล้วฝนกับน้ำมะนาว

3.ยากินแก้เถาเอ็นในท้อง...หัสคุณเทศ มหาหิงค์  หัวกระดาษ บุกกลอย ดองดึง สมอไทย คลุกน้ำผึ้ง ปั้นเท่าพุทธา กิน เช้า-เย็น

4.ยาแก้ลมบาทจิตร...โกฐหัวบัว  โกฐเขมา  ขิงแห้ง ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ยาดำ ดีงูเหลือม ดีจรเข้ ทำผงละลายน้ำผึ้งกิน

5.ยาแก้ลมวิงเวียน ลิ้นกระด้างคางแข็ง...โกฐทั้งห้า เทียนทั้งห้า  ลูกผักชี อบเชย สมุลแว้ง ฝางเสนบดทำแท่งละลายน้ำสุรา กิน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระราชบัญญัติ วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ สำหรับนักเรียนผู้พิการทางสายตานวดไทยหลักสูตร800ชั่วโมง

รูปภาพ

การนวดพื้นฐาน 95ท่า หนังสือผ่านแอพพิเคชั่นเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนวดไทยบำบัด(นวดรักษา) 14โรค เอกสารจัดทำเพื่อผู้พิการทางสายตาเพื่อการอ่านโดยใช้แอพพลิเคชั่นเสียง

การนวดพื้นฐาน 95ท่า หนังสือผ่านแอพพิเคชั่นเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา