ความพร้อมกับการสอบปฏิบัตินวดไทยสิบสี่อาการ กลุ่มอาการที่สอง
กลุ่มอาการ ไหล่ติด ปวดไหล่ แขน ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือ และอาการปวดหลัง
1.อาการปวดเสียวขัดที่บริเวณข้อไหล่ จากความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เอ็น เยื่อหุ้มกระดูก เส้นประสาท และการไหลเวียนของเลือดบริเวณไหล่และบริเวณที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผลจากการใช้งาน ความเสื่อม หรือได้รับบาดเจ็บที่ไม่ทำให้โครงสร้างของกระดูกแตก หัก หรือเคลื่อนที่ร้ายแรง ความเจ็บปวดทำให้มีการเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้น้อยลง(ยกแขน กางแขน หุบแขน หมุนแขนเข้าและออก)และติดขัดในที่สุด .....อาการไหล่ติด (ประโยค "ปวดเสียวขัดที่บริเวณข้อไหล่ เจ็บปวดทำให้มีการเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้น้อยลง" ไว้จะเป็นตัวบอกชื่อโรค)
ตัวอย่างโจทย์ตุ๊กตา....นางสมศรีมีอาการปวดเสียวขัดที่บริเวณข้อไหล่ ซึ่งเป็นผลมาจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์ล้มแล้วไหล่กระแทกพื้น แต่กระดูกหัวไหล่และแขนไม่มีอาการแตกหัก แต่มีความเจ็บปวดทำให้มีการเคลื่อนไหวข้อไหล่ในการ ยกแขน และปัจจุบันเริ่มมีอาการติดขัดที่ข้อไหล่ และจะมีอาการปวดมากบริเวณสะบักหน้า ยกแขนขึ้นมาด้านหน้าได้ลำบาก และยกแขนไขว้หลังหรือเอามือล้วงกระเป๋าหลัง.......อาการไหล่ติด ชนิดไหล่ติดด้านหน้า
อาการไหล่ติดมีสี่ชนิด......1.ไหล่ติดด้านหน้า ปวดบริเวณสะบักหน้า ยกแขนขึ้นมาด้านหน้าได้ลำบากหรือไม่ได้ ยกแขนไขว้หลังหรือเอามือล้วงกระเป๋าหลังได้ลำบากหรือทำไม่ได้ ยกแขนเอามือแตะไหล่และสะบักด้านตรงข้ามได้ลำบากหรือทำไม่ได้ 2.ไหล่ติดด้านหลัง ปวดที่สะบักหลัง กล้ามเนื้อสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน กางแขนออกด้านข้างได้ลำบากหรือไม่ได้ ยกไหล่ขึ้น และกดไหล่ลงได้ลำบากหรือไม่ได้ ยกแขนเอามือแตะไหล่และสะบักด้านตรงข้ามได้ลำบากหรือทำไม่ได้ 3.ไหล่ติดด้านบน ปวดที่กล้ามเนื้อสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ปวดแนวราวบ่า กางแขนออกด้านข้างและหุบแขนได้ลำบากหรือไม่ได้ ยกไหล่ขึ้นและกดไหล่ลงลำบากหรือไม่ได้ 4.ไหล่ติดด้านข้าง มีอาการปวดภายในข้อไหล่ ปวดบริเวณหนีบรักแร้ ใต้รักแร้ ยกแขนขึ้นมาด้านหน้าไม่ได้ หรือทำได้ลำบาก กางแขนออกทางด้านข้างได้ลำบาก หรือทำไม่ได้
หัวไหล่ติดมีสามระยะ 1.ระยะที่หนึ่งระยะเจ็บปวด ปวดมาก หกสัปดาห์ ถึงเก้าเดือน 2.ระยะที่สองระยะข้อยึด อาการปวดเริ่มลดลง สี่เดือนถึงหกเดือน 3.ระยะที่สามระยะฟื้นต้ว ปวดลดลงเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ห้าเดือนถึงสองปี
สาเหตุ...1.นั่งทำงานที่โต๊ะในลักษณะยกหัวไหล่ขึ้นเป็นเวลานาน 2.นอนยกแขนขึ้นเหนือศีรษะเป็นประจำ 3.นอนตะแคงทับหัวไหล่ข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน 4.ยกหรือแบกของหนักเป็นเวลานานหรือเป็นประจำ 5.ได้รับอุบัติเหตุ ถูกกระแทกที่หัวไหล่สะบักหลัง หรือมีการกระชากข้อไหล่ 6.ความเสื่อมของข้อไหล่เอง
การซักถามและตรวจร่างกาย...1.ซักถามเรื่องพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ไหล่ติด 2.ให้ผู้ป่วยแสดงท่าทางในชีวิตประจำวันที่ทำให้เจ็บปวดหัวไหล่ แล้วใช้นิ้วมือชี้ไปที่ตำแหน่งที่เจ็บปวด 3.ให้ผู้ป่วย ยกแขน กางแขน หมุนแขนเข้าและออก สังเกตุความสามารถในการเคลื่อนไหวของหัวไหล่ทำได้มากน้อยเพียงใด และมีความเจ็บปวดอยู่ระดับใด ตำแหน่งจุดที่เจ็บปวดอยู่ที่ใด 4.ให้ผู้ป่วยยื่นแขนมาข้างหน้าตรงๆแล้วค่อยๆหงายฝ่ามือขึ้น ค่อยๆคว่ำฝ่ามือให้หลังมือหันเข้าหากัน สังเกตความสามารถของการเคลื่อนไหวข้อไหล่ทำได้เพียงใด มีความเจ็บปวดระดับใด ตำแหน่งที่เจ็บปวดอยู่ที่ใด 5.คลำกล้ามเนื้อ เอ็น บริเวณบ่า ไหล่ สะบัก และแขน เพื่อตรวจความตึง ความแข็ง ความอ่อน ความเย็น ความร้อน 6.หาตำแหน่งจุดกดเจ็บ
ข้อควรระวัง...1.ข้อไหล่ติดที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคอื่นๆ หลายโรค ที่พบบ่อยคือ อัมพาตครึ่งซีก จึงควรจัดการกับโรคที่เป็นต้นเหตุด้วย 2.การเจ็บหรือขัดยอกข้อไหล่ ถ้ารีบแก้ตั้งแต่แรกเป็น จะไม่ลุกลาม แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ และหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวในทิศทางที่เจ็ฐ อาจทำให้เกิดการติดขัดจนถึงขั้นข้อไหล่ติดแข็งได้
ข้อควรระวังในการนวด.....1.การกดนวดบริเวณที่มีการบาดเจ็บของข้อไหล่ ควรนวดด้วยความแผ่วเบาก่อนเสมอ 2.ควรตรวจลมในท้อง หากมีลมในท้อง ควรโกยท้องก่อน ก่อนกดจุดใต้กระดูกไหปลาร้า
ท่ากายบริหาร....เพื่อยืดเยื้อหุ้มข้อไหล่ และเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ ควรทำทีละน้อย แต่ถ้าทำแล้วเจ็บมากขึ้นติดต่อกันหลายวันควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง ท่าที่1ยืดหัวไหล่ด้านหลัง...นั่งขัดสมาธิ งอข้อศอกข้างหนึ่งให้มือวางบนบ่าด้านตรงข้าม ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับที่ข้อศอกไว้ หายใจเข้า แล้วหายใจออก พร้อมๆกับดึงข้อศอกเข้าหาตัวให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำสลับข้าง ท่าที่2ยืดหัวไหล่ด้านข้าง....นั่งขัดสมาธิ งอข้อศอกข้างหนึ่งยกขึ้นไว้ทางด้านหลังของศีรษะ ใช้มืออีกข้างจับมือที่ยกไว้ หายใจเข้า แล้วหายใจออก พร้อมๆกับดึงมือลงมาให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำสลับข้าง
ข้อแนะนำ...1.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมและอิริยาบถที่ทำให้ปวดไหล่ 2.เมื่ออาการทุเลาลงแล้วควรบริหารและเคลื่อนไหวข้อไหล่เป็นประจำ 3.หากข้อไหล่ปวดอักเสบเฉียบพลัน ควรพักการใช้งาน และหยุดการเคลื่อนไหวข้อไหล่ข้างที่ปวดชั่วตราว หนึ่งถึงสองวัน 4.ไม่ควรบีบ นวดหรือดัดข้อไหล่ที่กำลังปวด
จุดสำคัญและแนวนวด... 1จุดใต้กระดูกไหปลาร้า สามจุด 2.จุดร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยมด้านหน้า 3จุดเหนือรักแร้ด้านหน้า 4จุดรอบข้อไหล่ทางด้านหลังสามจุด 5แนวข้างสะบักด้านใน 6จุดกลางสะบัก 7จุดเหนือรักแร้ด้านหลัง
ท่านวดแก้ไหล่ติด(ให้ฝึกปฏิบัติและท่องไปพร้อมๆกัน)...1กดจุดใต้ไหปลาร้าหนึ่ง สองและสาม ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันกดจุดที่หนึ่ง ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันกดจุดที่สอง ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันกดจุดที่สาม 2.กดจุดร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยมด้านหน้าใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยมด้านหน้า 3.ใช้สันมือกดจุดร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยมด้านหน้า มืออีกข้างจับข้อมือค่อยๆกางแขนขึ้น 4.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดรอบข้อไหล่ทางด้านหลัง 5.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวข้างสะบักด้านใน ดันเข้าหาสะบัก แล้ววาดออกมาทางกระดูกสันหลัง 6.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดกลางสะบัก มือขวาประคองที่หัวไหล่ของผู้รับการนวด 7.กดจุดเหนือรักแร้หน้าและหลังพร้อมกับยกแขนขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มือของทั้งสองมือกดจุดตรงเหนือรักแร้ด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมกับยกตัวขึ้นยืนบนเข่า เพื่อให้แขนของผู้รับการนวดยกขึ้นในลักษณะการออก 8.กดจุดเหนือรักแร้ด้านหลังแล้วหมุนข้อไหล่ ใช้มือซ้ายจับข้อมือซ้ายของผู้รับการนวด หมุนข้อไหล่คล้ายท่าว่ายน้ำไปข้างหน้า ห้าถึงสิบครั้ง และกลับข้างหลังห้าถึงสิบครั้ง พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือขวากดจุดด้านหลังเหนือรักแร้ของไหล่ซ้ายในขณะหมุนข้อไหล่ด้วย 9.ใช้สองมือจับโยกข้อไหล่ ใช้มือทั้งสองข้างจับหัวไหล่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ประคองให้แน่น แล้วโยกข้อไหล่ ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา ห้าถึงสิบครั้ง และทวนเข็มนาฬิกา ห้าถึงสิบครั้ง 10.จับข้อมือเขย่าแขน(เพื่อผ่อนคลายหัวไหล่ และไล่เลือดลม) ใช้มือทั้งสองข้างจับข้อมือของแขนข้างที่มีอาการไหล่ติด ให้แขนของผู้ได้รับการนวดเหยียดตรงและผ่อนคลาย ผู้นวดจับข้อมือเขย่าขึ้นลงเบาๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2..ปวดขัดที่หัวไหล่ เจ็บเวลาเคลื่อนไหวข้อไหล่ ปวดขัดข้อศอก งอและเหยียดข้อศอกไม่ได้เต็มที่ คว่ำและหงายมือไม่ได้เต็มที่ ทำงานบางอย่างไม่ได้ เช่น ถือกะทะผัดอาหาร บิดผ้าไม่สะดวกหรือไม่ได้ ปวดขัดข้อมือ เคลื่อนไหวข้อมือแล้วปวดในบางท่า ปวดตึงนิ้วมือ ปวดขัดนิ้วมือ กำนิ้วมือได้ไม่สุด เหยียดนิ้วมือไม่ได้ งอนิ้วแล้วเหยียดคืนให้ตรงไม่ได้ ปวดฝ่ามือ เอ็นที่ฝ่ามือเป็นลำแข็ง ปวดเกร็งที่มือจากตะคริว....อาการ ปวดไหล่ แขน ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือ (*หมายเหตุจะมีครบทุกอาการของไหล่ แขน ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้ว )
ตัวอย่างโจทย์ตุ๊กตา....นางน้อยมีอาชีพทำอาหารตามสั่งขาย มาพบท่านซึ่งเป็นแพทย์แผนไทยด้วยอาการ ปวดขัดหัวไหล่ ข้อศอก และข้อมือ ข้างซ้ายซึ่งเป็นข้างหลักที่ใช้จับกะทะเวลาผัดอาหารตามสั่ง แขนข้างซ้ายอ่อนแรงมีอาการปวดแขนและข้อศอกเวลาบิดแขนท่อนล่าง เมื่อจับกะทะผ้ดอาหารนานๆนิ้วที่กำมือจะฝืดและเหยียดคลายไม่ออกต้องใช้มืออีกข้างมาช่วยแกะนิ้วมือซ้าย มีอาการปวดที่ฝ่ามือ เอ็นที่ฝ่ามือขึ้นเป็นลำแข็งร่วมด้วย
สาเหตุ...1.อิริยาบทในชีวิตประจำวันและท่าในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งห่อไหล่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องกันนานๆ นอนทับแขน นั่งขับรถแล้วเอื้อมหยิบของที่เบาะหลัง 2.ใช้แขนหรือมือทำงานหนักเกินไป 3.ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุการกระทบ กระแทกที่หัวไหล แขน ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้ว 4.ความเสื่อมของข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ และข้อนิ้ว 5. ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมีการเคลื่อนไหวน้อย หลังได้รับบาดเจ็บ หรือจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง
การซักถามและตรวจร่างกาย....1.ซักถามเรื่องพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดไหล่ แขน ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือ 2.ให้ผู้ป่วยแสดงท่าทางที่ใช้ในชีวิตประจำวันแล้วมีอาการปวด พร้อมทั้งใช้นิ้วชี้บอกจุดที่เจ็บปวด 3.ตรวจดูลักษณะของกระดูกสะบัก และกระดูกสันหลังช่วงอก ว่าบิดเบี้ยว หรือเอียง หรือไม่ รวมถึงความตึงตัวของกล้ามเนื้อรอบๆสะบักแล้วเปรียบเทียบด้านซ้ายและด้านขวา 4.ตรวจการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือ 5.คลำกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อบริเวณที่มีอาการปวด เพื่อประเมินการบวม ความร้อน ความอ่อน ความแข็ง 6.หาตำแหน่งของจุดเจ็บบรเวณที่มีอาการปวด
ข้อห้ามในการนวด ถ้ามีอาการดังนี้ให้ส่งต่อโรงพยาบาลเพื่อตรวจวินิจฉัย...1ปวดไหล่ร่วมกับปวดเสียวที่แขนข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง 2.ข้อไหล่ผิดรูป หรือเคลื่อนไหวไม่ได้หลังได้รับบาดเจ็บอาจเกิดจากกระดูกแตกหัก หรือข้อไหล่เคลื่อน 3.หลังการผ่าตัด 4.มีอาการบวม แดง ร้อน บริเวณข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้ว
ข้อควรระวังในการนวด...การดัดดึงคอ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการปวดร้าวเสียวชาลงไปที่แขน
ท่ากายบริหาร.... ท่าที่1ยืดหัวไหล่ด้านหลัง...นั่งขัดสมาธิ งอข้อศอกข้างหนึ่งให้มือวางบนบ่าด้านตรงข้าม ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับที่ข้อศอกไว้ หายใจเข้า แล้วหายใจออก พร้อมๆกับดึงข้อศอกเข้าหาตัวให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำสลับข้าง ท่าที่2ยืดหัวไหล่ด้านข้าง....นั่งขัดสมาธิ งอข้อศอกข้างหนึ่งยกขึ้นไว้ทางด้านหลังของศีรษะ ใช้มืออีกข้างจับมือที่ยกไว้ หายใจเข้า แล้วหายใจออก พร้อมๆกับดึงมือลงมาให้มากที่สุด หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำสลับข้าง
การนวดตัวเอง....1.หงายฝ่ามือ ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดบนฝ่ามือสามจุด 2.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดตามแนวแขนด้านหน้า จากเหนือกึ่งกลางข้อมือ(แนวนิ้วกลาง)ไปจนถึงขอบกล้ามเนื้อสามเหลี่ยม 3.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดตามแนวแขนด้านใน จากเหนือข้อมือ(แนวนิ้วก้อย)ไปจนถึงรักแร้ 4.คว่ำมือใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง รวมกันกดจุดตามแนวแขนด้านหลัง จากเหนือข้อมือด้านหลัง(แนวนิ้วกลาง)ไปจนถึงกล้ามเนื้อสามเหลี่ยมระดับรัดแร้ 5.ใช้มือกำต้นแขน นิ้วหัวแม่มือกดจุด ใต้กระดูกไหปลาร้าใกล้ข้อไหล่
ข้อแนะนำหลังการนวด....1.ประคบความร้อนบริเวณที่ปวด ครั้งละยี่สิบนาที เช้า และเย็น 2.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของอาการปวดไหล่ แขน ข้อศอก ข้อมือ
จุดและแนวนวดสำคัญ...๑.ฝ่ามือสามจุดและเหนือข้อมือหนึ่งจุด ๒.ง่ามนิ้วหลังมือสี่จุด ๓.ข้างสะบักหนึ่งแนว ๔.แขนด้านหน้า บนและล่าง สองแนว (แนวนิ้วกลางและแนวนิ้วก้อย) ๕.แขนด้านหลัง บนและล่าง สองแนว(แนวนิ้วกลางและแนวนิ้วนาง)
วิธีนวด(ให้ฝึกปฏิบัติและท่องไปพร้อมๆกัน)
วิธีนวดแก้ปวดไหล่ ปวดแขน
๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดฝ่ามือหนึ่ง โดยให้ปลายนิ้วหัวแม่มือที่กดชี้ไปทางนิ้วหัวแม่มือของคนไข้
๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดฝ่ามือสอง โดยให้ปลายนิ้วหัวแม่มือที่กดชี้ไปทางนิ้วกลางของคนไข้
๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดฝ่ามือหนึ่ง โดยให้ปลายนิ้วหัวแม่มือที่กดชี้ไปทางนิ้วก้อยของคนไข้
๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันกดจุดแนวแขนด้านหน้าหนึ่ง
๕.ใช้นิ้วหัวแม่มือวางเรียงกันกดจุดแนวแขนด้านหน้าหนึ่ง (ช่วงต้นแขน) และกดจุดสุดท้ายตรงร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยม
๖.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันกดจุดแนวแขนด้านหน้าสอง
๗.คว่ำมือคนไข้ ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวแขนด้านหน้าสอง(ช่วงต้นแขน) และกดจุดสุดท้ายตรงเหนือรักแร้ด้านหน้า
๘.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดหลังมือหนึ่ง
๙.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดหลังมือสอง
๑๐.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดหลังมือสาม
๑๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดหลังมือสี่
๑๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวแขนด้านหลังหนึ่ง
๑๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดสุดท้ายของแนวแขนด้านหลังหนึ่ง(ช่วงต้นแขน) ซึ่งเป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อสามเหลี่ยมระดับเดียวกับรักแร้
๑๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวแขนด้านหลังสอง
๑๕.ยกแขนคนไข้ขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดแนวแขนด้านหลังสอง(ช่วงต้นแขน)
๑๖.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดสุดท้ายของแนวแขนด้านหลังสอง ตรงเหนือรักแร้ทางด้านหลัง
๑๗.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดใต้รากขวัญ
๑๘.ไขว้แขนคนไข้ ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดข้างสะบัก
ท่านวดแก้ปวดข้อศอก
๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวแขนด้านหน้าหนึ่ง ขึ้นไปถึงพับศอก
๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวแขนด้านหน้าสอง ขึ้นไปถึงข้อศอก
๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือวางเรียงกัน กดจุดแนวแขนด้านหน้าหนึ่ง(ช่วงต้นแขน) ตรงร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยมด้านหน้าลงไปถึงข้อศอก
๔.คว่ำฝ่ามือคนไข้ ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันกดจุดแนวแขนด้านหน้าสอง(ช่วงต้นแขน) ตรงเหนือรักแร้ด้านหน้าลงไปถึงข้อศอก
๕.ใช้มือข้างหนึ่งจับปลายแขนวางบริเวณหน้าอก ใช้นิ้วหัวแม่มืออีกข้างกดจุดข้อศอกด้านนอก นับหนึ่งถึงสิบ ทำสามรอบ
๖.ใช้มือข้างหนึ่งจับปลายแขนตั้งฉากกับพื้น ใช้นิ้วหัวแม่มืออีกข้าง กดจุดข้อศอกด้านใน นับหนึ่งถึงสิบ ทำสามรอบ
๗.ใช้มือข้างหนึ่งจับปลายแขนตั้งฉากกับพื้น ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมืออีกข้าง กดจุดข้อศอกด้านในและด้านนอกพร้อมกัน และโยกข้อศอกขึ้นลงทำสามรอบ
ท่านวดแก้ปวดข้อมือ
๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวแขนด้านหน้าหนึ่ง เริ่มจากใต้ข้อพับศอกสองนิ้วมือไปถึงเหนือข้อมือ
๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวแขนด้านหน้าสอง เริ่มจากใต้พับศอกสองนิ้วมือไปถึงเหนือข้อมือ
๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดเหนือข้อมือสองนิ้วมือ
ท่านวดแก้ปวดข้อนิ้วมือ
๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดฝ่ามือสอง โดยให้ปลายนิ้วหัวแม่มือที่กดชี้ไปทางนิ้วกลาง
๒.กำมือหลวมๆ ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบนิ้วมือทางด้านบนและล่าง แล้วดึงนิ้วของคนไข้ทีละนิ้ว
๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับนิ้วมือทางด้านบนและล่าง แล้วรูดจากโคนนิ้วมายังปลายนิ้ว ทำทุกนิ้ว
๔.กำมือหลวมๆ ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบด้านข้างของนิ้วมือ แล้วรูดจากโคนนิ้วมายังปลายนิ้ว ทำทุกนิ้ว
๕.ใช้มือข้างหนึ่งจับฝ่ามือไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มืออีกข้างรีดนิ้วมือแต่ละนิ้ว จากจุดกึ่งกลางฝ่ามือ ผ่านโคนนิ้วไปปลายนิ้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
3.ปวดเสียว เสียด ขัด ที่หลังส่วนล่าง บริเวณกระเบนเหน็บ อาจเกิดขึ้นฉับพลัน หรือค่อยเป็นทีละน้อย อาจปวดตลอดเวลาหรือปวดเฉพาะในท่าบางท่า การไอ จาม หรือบิดเอี้ยวตัว อาจทำให้ปวดมากขึ้นได้ ....คืออาการปวดหลัง(สังเกตประโยค "ปวดเสียว เสียด ขัด ที่หลังส่วนล่าง บริเวณกระเบนเหน็บ บิดเอี้ยวตัว อาจทำให้ปวดมากขึ้น" จะเป็นตัวบอกชื่อโรคอยู่แล้ว)
สาเหตุ
1ใช้ท่าทางในชีวิตประจำวัน และการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งก้มคอ
นั่งหลังงอ นั่งห่อไหล่ 2.นอนที่นอนนุมเกินไป
3ใส่รองเท้าส้นสูงมากเกินไป
4.ยกของหนักเกินกำลัง หรือยกของในท่าที่ไม่ถูกต้อง
5ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหลังจากอุบัติเหตุ
ขนิดของโรค มีสามชนิด 1ถ้ามีอาการน้อยกว่า ๔สัปดาห์ ถือว่า
เป็นแบบเฉียบพลัน
2ถ้ามีอาการ๔-๑๒สัปดาห์ ถือว่า เป็นแบบกึ่งเฉียบพลัน 3
ถ้ามีอาการนานกว่า ๑๒สัปดาห์ ถือว่า เป็นแบบเรื้อรัง
การซักถามและตรวจร่างกาย 1ซักถามเรื่องพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ปวดหลัง 2ตรวจดูความงุ้ม ความ แอ่น
ความคดของกระดูกสันหลัง
3ดูความแข็งและตึงของกล้ามเนื้อหลังเปรียบเทียบกันด้านซ้ายและด้านขวา
4.ตรวจดูระดับและความเอียงของขอบกระดูกเชิงกรานด้านหลังว่าเอียงไปทางซ้ายหรือขวา 5ตรวจการก้มตัว การแอ่นตัวการเอียงตัว
การบิดตัวเพื่อดูความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลัง
ข้อห้ามในการนวด ถ้าผู้ป่วยมีอาการดังนี้ให้ส่งต่อไปโรงพยาบาล 1.ปวดหลังร่วมกับมีปัสสาวะแสบ ขัด ขุ่น ปัสสาวะลำบาก(อาจมีภาวะกรวยไตอักเสบ) 2.ชาที่บริเวณหลังหรือบริเวรอวัยวะเพศ 3.มีอาการชาและอ่อนแรงของขาข้างหนึ่ง 4.ปวดเสียวชาที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง 5ขาขยับไม่ได้ทั้งสองข้าง
ห้ามนวด 1หลังจากการผ่าตัดหลัง 2มีอาการบวมแดงร้อนที่บริเวณหลัง
คำแนะนำผู้ป่วย 1การใช้ท่าทางที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน และการทำงาน หลีกเลี่ยงพฤติกรรมและท่าทางที่ทำให้ปวดหลัง 2หลีกเลี่ยงการยกของหนัก 3หลีกเลี่ยงการนอนบนที่นอนนุ่มหรือแข็งเกินไป 4ประคบความร้อนที่หลัง ครั้งละยี่สิบนาที เช้า และเย็น ทำท่ากายบริหารเช่น นั่งอเข่าทั้งสองข้าง พับขาเข้ามาให้ฝ่าเท้าประกบกัน ใช้มือทั้งสองจับที่นิ้วเท้า และใช้มือดันส้นเท้าชิดเข้าหาฝีเย็บ หายใจเข้า หายใจออก ก้มตัวให้คางแนบปลายเท้า หายใจเข้าออกปกติสี่ถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก
จุดบังคับมี ๑.หลังสองแนว ๒.เกลียวข้างสามจุด ๓.ท้าวสะเอวหนึ่งจุด
วิธีนวด
๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวหลังหนึ่ง
จากระดับเดียวกับกลางสะบักลงมาถึงเหนือบั้นเอว
๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวหลังสอง
จากระดับเดียวกับกลางสะบักลงมาถึงเหนือบั้นเอว
๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวเกลียวข้าง(มีสามจุด) ๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างที่อยู่ใกล้ตัวคนไข้
กดจุดท้าวสะเอว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น