ความพร้อมกับการสอบปฏิบัตินวดไทยสิบสี่อาการ กลุ่มอาการที่หนึ่ง

 

ความพร้อมกับการสอบปฏิบัตินวดไทยสิบสี่อาการ 

กลุ่มอาการปวดคอ ปวดศีรษะ คอตกหมอน  และสะบักจม

1.ปวดบริเวณคอ บ่า ปวดตื้อๆหนักๆที่ท้ายทอย ขมับ หน้าผาก กลางศีรษะ หรือทั่วศีรษะ ส่วนใหญ่ปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนน้อยมีอาการปวดรุนแรง …..คือโรคปวดคอ ศีรษะ(คำว่า "ปวดบริเวณคอ บ่า ปวดตื้อๆหนักๆที่ท้ายทอย ขมับ หน้าผาก กลางศีรษะ หรือทั่วศีรษะ"จะเป็นตัวบอกชื่อโรคอยู่แล้ว)

สาเหตุ 1.ทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การก้มคอนานๆ   2.นอนหนุนหมอนสูงหรือแข็งเกินไป  3.นอนตะแคงหน้าด้านใดด้านหนึ่งนานๆ    4.มีความเครียด วิตกกังวล และนอนไม่หลับ  5.นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ  6.ได้รับสิ่งกระตุ้นจากภายนอก เช่นถูกความร้อนความเย็น ได้กลิ่น เห็นแสงจ้า ได้ยินเสียงรบกวน ที่กระตุ้นทำให้ปวดศีรษะ

การซักถามและตรวจร่างกาย  1.ซักถามถึงพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ปวดคอ และศีรษะ  2.ให้ผู้ป่วย ก้มหน้า และเงยหน้า  ตะแคงศีรษะซ้ายและขวา ชี้บอกตำแหน่งที่ปวด และบอกลักษณะของอาการปวด   3.คลำกล้ามเนื้อ เอ็นและข้อต่อ บริเวณคอ และบ่า เพื่อตรวจหาความตึง ความแข็ง ความอ่อน ความเย็น ความร้อนของเส้นบ่า คอ และรอบศีรษะ   4.การหาตำแหน่งจุดเจ็บ

ข้อห้ามในการนวด (ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ควรแนะนำคนป่วยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจวินิจฉัย)  1.ปวดศีรษะร่วมกับตาพร่า เห็นภาพซ้อน อาเจียนพุ่ง แขนขาอ่อนแรง เดินเซ มีความดันโลหิตสูง อาจเป็นโรคทางสมอง   2.ปวดศีรษะร่วมกับกดเจ็บที่หัวคิ้วและโหนกแก้ม อาจเป็นโรคโพรงจมูกอักเสบ  3.ปวดศีษะร่วมกับมีอาการปวดร้าวเสียวชาลงไปที่แขน อาจเกิดจากรากประสาทคอถูกกดทับ    4.ปวดคอร่วมกับแขนขาไม่มีแรง อาจเป็นโรคอัมพาต

ข้อควรระวังในการนวด   1.การนวดจุดบริเวณท้ายทอย ขมับ และกลางกระหม่อม ไม่ควรกดแรงและนานเกินไป   2.การดัดดึงคอ ผู้ป่วยที่มีอาการปวดร้าวเสียวชาลงไปที่แขน

การนวดตนเอง  1.ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง กดบีบแนวบ่า  2.ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง กดบีบเกลียวคอ  3.ประสานมือเข้าด้วยกันบริเวณท้ายทอยใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองกดตามแนวเกลียวคอ

คำแนะนำผู้ป่วย  1.ให้ผู้ป่วยประคบความร้อนบริเวณที่ปวด ครั้งละยี่สิบนาที วันละสองครั้งเช้าและเย็น   2.แนะนำท่าทางที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน และการทำงาน  3.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือท่าที่เป็นสาเหตุของอาการปวดคอ

จุดบังคับ

๑.แนวบ่าหนึ่ง และแนวบ่าสอง   ๒.แนวกำด้นจากจุดกำด้นไปถีงไรผมด้านหน้า  และจุดกำด้น และจุดใต้ไรผม   ๓.แนวเหนือหู เริ่มจากแนวใบหูทั้งสองข้างไปจนถึงกลางกระหม่อม   ๔.จุดจอมประสาท   ๕.จุดหัวคิ้วทั้งสองข้าง   ๖.จุดอุณาโลมอยู่กึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสอง   ๗.จุดหางคิ้ว และจุดหางตา

วิธีนวด(ลงมือปฏิบัติ)

๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวบ่าหนึ่ง ช่วงบ่า

๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดแนวบ่าหนึ่งช่วงเกลียวคอ มืออีกข้างประคองหน้าผากคนไข้

๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวบ่าสอง (ช่วงเหนือสะบัก)

๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดแนวบ่าสอง ช่วงก้านคอ มืออีกข้างประคองหน้าผากคนไข้ไว้

๕.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดกำด้น มืออีกข้างประคองหน้าผากคนไข้ไว้

๖.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดใต้ไรผมทั้งสี่จุด มืออีกข้างประคองหน้าผากคนไข้ไว้

๗.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดคลึงจุดแนวข้างกำด้น จากจุดใต้ไรผมขึ้นไปถึงจุดไรผมด้านหน้า(ทำพร้อมกันทั้งสองข้าง)

๘.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดคลึงจุดแนวกำด้น จากจุดกำด้นขึ้นไปตามแนวกึ่งกลางศีรษะจนถึงจุดไรผมด้านหน้า

๙.ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้างกดคลึงจุดแนวหลังหูพร้อมกัน (ทำพร้อมกันทั้งสองข้าง)

๑๐.ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสอง กดจุดแนวเหนือหูพร้อมกัน

๑๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดจอมประสาท

๑๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดหัวคิ้ว มืออีกข้างประคองศีรษะคนไข้ไว้

๑๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดแนวคิ้วทั้งสองข้าง

๑๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดหางคิ้วทั้งสองข้าง

๑๕.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดหางตาทั้งสองข้าง

๑๖.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดอุณาโลม

๑๗.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดคลึงจุดแนวกำด้นช่วงหน้าผาก จากจุดอุณาโลมขึ้นไปถึงไรผมด้านหน้า

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.มีอาการปวดกล้ามเนื้อคอข้างใดข้างหนึ่ง หรือปวดต้นคอถึงหัวไหล่  บางคนอาจปวดถึงสะบัก จะเอี้ยวคอหรือหันหน้าไม่สะดวก คอจะแข็ง บางคนก้มหรือเงยศีรษะไม่ได้ เวลาหันต้องหันไปทั้งตัว มักจะเกิดอาการปวดเมื่อเวลาจะหันหน้าหรือเอียงตัว....คืออาการตกหมอน(สังเกตคำว่า "ปวดกล้ามเนื้อคอข้างใดข้างหนึ่งจะเอี้ยวคอหรือหันหน้าไม่สะดวก คอจะแข็ง เวลาหันต้องหันไปทั้งตัว "จะเป็นตัวบอกชื่อโรคอยู่แล้ว)

สาเหตุ 1.นอนหนุนหมอนสูงหรือแข็งเกินไป  2.นอนตะแคงหน้าด้านใดด้านหนึ่งนานๆ    3.มีความเครียด วิตกกังวล ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อคอเกิดการเกร็งตัว   4.เกิดจากการยกของหนักๆ เป็นเวลานาน ซึ่งทำให้เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นของแขน หัวไหล่ ต้นคอ หากผู้ที่กำลังยกหรือหิ้วของหนักอยู่นั้น หันหน้าหรือบิดคอไปข้างใดข้างหนึ่งอย่างกระทันหัน จะทำให้คอเคล็ด หรือเกิดอาการคอตกหมอนได้  5. .เกิดจากการทำงานในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสม เช่น การก้มคอนานๆ

การซักถามและตรวจร่างกาย  1.ซักถามถึงพฤติกรรมที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ปวดคอ 2.ให้ผู้ป่วย ก้มหน้า และเงยหน้า  ตะแคงศีรษะซ้ายและขวา ชี้บอกตำแหน่งที่ปวด และบอกลักษณะของอาการปวด   3.คลำเส้นตรวจความตึง  ความแข็ง ความอ่อน ความเย็น ความร้อนของเส้นบ่า คอ   4.การหาตำแหน่งจุดเจ็บ

ข้อห้ามในการนวด  ถ้ามีอาการปวดร้าวลงแขน ทำให้แขนชาไม่มีแรง มักเกิดจากรากประสาทบริเวณคอถูกกดทับ กรณีนี้ห้ามนวด ควรส่งโรงพยาบาล

ข้อแนะนำ .นวดเสร็จแล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัดประคบบริเวณที่ปวด

ท่ากายบริหาร 1.ตะแคงศีรษะด้านซ้าย นับหนึ่งถึงสิบ แล้วตะแคงศีรษะด้านขวา นับหนึ่งถึงสิบ ทำซ้ำห้าครั้ง     2.หันหน้าไปทางซ้ายนับหนึ่งถึงสิบ แล้วตะหันหน้าไปทางขวานับหนึ่งถึงสิบ ทำซ้ำ ห้าครั้ง   3.ตะแคงศีรษะด้านซ้าย แล้วใช้ฝ่ามือออกแรงต้านไว้ที่ขมับ นับหนึ่งถึงสิบ แล้วผ่อนออกทำซ้ำห้าครั้ง แล้วตะแคงด้านขวา ทำเช่นเดียวกัน    4.หันหน้าไปด้านซ้ายแล้วใช้ฝ่ามือออกแรงต้านไว้ที่ข้างใบหน้านับหนึ่งถึงสิบแล้วผ่อนออก ทำซ้ำห้าครั้ง แล้วหันหน้าไปด้านขวา ทำเช่นเดียวกัน   5.ก้มหน้าแล้วใช้มือประสานออกแรงต้านไว้ที่หน้าผากนับหนึ่งถึงสิบแล้วผ่อนออกทำห้าครั้ง  6.เงยหน้าแล้วใช้มือประสานออกแรงต้านไว้ที่ด้านหลังศีรษะ นับหนึ่งถึงสิบ แล้วผ่อนออก ทำซ้ำห้าถึงสิบครั้ง    7. นั่งขัดสมาธิมือข้างหนึ่งวางยันบนเข่า ฝ่ามืออีกข้างวางไว้ใต้กกหู หายใจเข้า หายใจออก ใช้มือที่วางไว้ใต้กกหูดันศีรษะไว้ โดยเกร็งกล้ามเนื้อคอให้ศีรษะต้านฝ่ามือที่ดันไว้หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก ทำเช่นเดียวกันอีกข้าง    8.นั่งขัดสมาธิตัวตรงพนมมือระหว่างอก หายใจเข้า หายใจออกออกแรงดันมือที่พนมไว้แล้วค่อยๆยกมือขึ้นเหนือศีรษะ ออกแรงดันฝ่ามือเข้าหากัน ยืดลำตัว หายใจเข้าออกปกติสามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนออก

จุดบังคับ

 

๑.แนวบ่าหนึ่ง และแนวบ่าสอง และแนวข้างสะบัก

 

๒.จุดบริเวณโค้งระหว่างคอกับบ่า(แก้อาการหันหน้าซ้ายขวาไม่ได้)

 

๓.จุดระดับเดียวกับปลายกระดูกสะบัก ห่างจากปลายสะบักสองนิ้วมือ(แก้อาการก้มเงยไม่ได้)

 

วิธีนวด (ลงมือปฏิบัติ)

 

๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวบ่าหนึ่ง

 

๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกัน กดจุดแนวบ่าสอง

 

๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดแนวข้างสะบัก โดยกดลงไปแลัวผ่อนขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับดันไปทางแนวกระดูกสันหลัง

 

๔.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดระดับเดียวกับปลายกระดูกสะบัก และให้คนไข้ก้มและเงยช้าๆ ขึ้น ลง ทำสามครั้ง

 

๕.ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดบริเวณโค้งระหว่างคอกับบ่า และให้คนไข้หันหน้าไปทางซ้าย และขวาช้าๆ ทำสามครั้ง

---------------------------------------------------------------------------------------------

 3.มีอาการปวดกล้ามเนื้อ เอ็น ที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังและสะบัก ยกแขนไม่สะดวก ก้มหรือเงยคอได้ไม่เต็มที่ หันหน้าซ้ายขวาหรือเวลายกของแล้วปวดเสียวลงมาที่ข้างสะบัก นอนตะแคงข้างที่ปวดได้ไม่สะดวก บางทีหายใจเข้าก็ปวด ทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวก ปวดตื้อตื้ออยู่ตลอดเวลา น่ารำคาญ  มีอาการปวดหลังและเอวร่วมด้วย.......อาการสะบักจม (ประโยค "ปวดกล้ามเนื้อ เอ็น ระหว่างกระดูกสันหลังและสะบักเวลายกของแล้วปวดเสียวลงมาที่ข้างสะบักหายใจเข้าก็ปวด ทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวก ปวดตื้อตื้ออยู่ตลอดเวลา น่ารำคาญ "  จะเป็นตัวบอกชื่อโรค) 

ข้อควรระวัง... ถ้ามีอาการสะบักจม ร่วมกับปวดไหล่และแขน ให้นวดส่วนแขนและไหล่ก่อน

สาเหตุ     1.เกิดจากการทำงานหนักเกินไป แบกหรือหามของหนักมากเกินไป    2.เกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสม คือหลังไม่ตรง และก้มคอมาก    3.เกิดจากการนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม      4.เกิดจากการเล่นกีฬาหรืออุบัติเหตุ

การซักถามและตรวจร่างกาย......1.ซักถามเพื่อหาสาเหตุของการปวด   2.ให้ผู้ป่วยก้มหน้า และเงยหน้า หันหน้า จะมีอาการปวดไปที่สะบัก ให้ผู้ป่วยใช้นิ้วมือชี้ตำแหน่งที่ปวด   3.คลำเส้นตรวจความตึง ความแข็ง ความอ่อน  ความเย็น ความร้อนของเส้นข้างกระดูกสะบัก   4.หาตำแหน่งจุดกดเจ็บ

ท่ากายบริหาร...ท่าที่1.นั่งหรือยืน กำหมัดไว้ข้างลำตัว หายใจเข้า แอ่นอก เกร็งกล้ามเนื้อข้างสะบักให้สะบักเข้าหากันมากที่สุด แล้วหายใจเข้าออกปกติ สามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนแขนทั้งสองข้างลง ทำซ้ำสามถึงห้ารอบ .....ท่าที่2นั่งหรือยืน ชูแขนทั้งสองขึ้น งอข้อศอก และกระดกข้อมือขึ้น คล้ายท่าแบกถาด หายใจเข้า หายใจออกช้าๆลึกๆ พร้อมทั้งเกร็งแขนทั้งสองแบกถาดที่มีของหนักจนรู้สึกตึงไปที่ข้างสะบัก แล้วหายใจเข้าออกปกติ สามถึงห้าครั้ง แล้วผ่อนแขนทั้งสองข้างลง ทำซ้ำสามถึงห้ารอบ

จุดบังคับ

๑.แนวข้างสะบัก

๒.จุดโค้งคอ บ่า อยู่ตรงโค้งระหว่างคอกับบ่าค่อนมาทางด้านหน้า

๓.จุดร่องซี่โครงหนึ่งและสอง  อยู่ตรงร่องระหว่างกระดูกซี่โครงซี่ที่หนึ่งกับสอง

วิธีนวด(ให้ฝึกปฏิบัติและท่องไปพร้อมๆกัน)

๑.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดแนวข้างสะบัก กดแล้วผ่อนแรงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับดันไปทางแนวกระดูกสันหลัง

๒.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดระหว่างซี่โครงหนึ่งและสอง

๓.ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดจุดตรงโค้งระหว่างคอกับบ่าค่อนมาทางด้านหน้า



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนวดไทยบำบัด(นวดรักษา) 14โรค เอกสารจัดทำเพื่อผู้พิการทางสายตาเพื่อการอ่านโดยใช้แอพพลิเคชั่นเสียง

การนวดพื้นฐาน 95ท่า หนังสือผ่านแอพพิเคชั่นเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา

ความพร้อมกับการสอบปฏิบัตินวดไทยสิบสี่อาการ กลุ่มอาการที่สี่