ป้ายข้อมูลโดยรวมของบูธ "ศุนย์บริการคนตาบอดแห่งชาติ" งานสมัชชาคนตาบอดแห่งชาติครั้งที่25 @เชียงใหม่
ธาตุเจ้าเรือนทางการแพทย์แผนไทยมีความเชื่อในเรื่องธรรมชาติว่า
การเกิดรูปครั้งแรกในครรภ์มารดามีขนาดเล็กมาก
ขนาดเท่ากับหยดน้ำมันงาที่ติดอยู่ปลายขนจามรี หลังจากถูกสะบัด ถึง 7 ครั้ง และด้วยอิทธิพลของธาตุไฟก่อน จึงเกิดธาตุอื่น ตามมาจนครบธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ แล้วจึงเกิดเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณจนครบขันธ์
5 เมื่อครรภ์ ครบ 5 เดือน
นั่นคือชีวิตได้เกิดแล้ว และด้วยอิทธิพลธรรมชาติ ได้แก่ ความร้อน
ความเย็นของภูมิอากาศตามฤดูกาล ได้ทำให้ธาตุทั้ง 4
ของแต่ละคนแตกต่างกันไปและเริ่มมีอิทธิพลแล้วในครรภ์มารดา
ดังพระคัมภีร์ปฐมจินดากล่าวไว้ว่า
เมื่อตั้งครรภ์ในฤดูอันใด ธาตุอันใด
ให้เอาธาตุของฤดูนั้นเป็นที่ตั้งแห่งธาตุกำเนิดของกุมารกุมารีนั้นๆ
ตั้งครรภ์ในเดือน
5, 6, 7 เป็นลักษณะแห่งไฟ
ตั้งครรภ์ในเดือน
8, 9, 10 เป็นลักษณะแห่งลม
ตั้งครรภ์ในเดือน
11, 12, 1 เป็นลักษณะแห่งน้ำ
ตั้งครรภ์ในเดือน
2, 3, 4 เป็นลักษณะแห่งดิน
ธาตุดินเจ้าเรือน จะมีรูปร่างสูงใหญ่
ผิวค่อนข้างคล้ำ ผมดกดำ เสียงดังฟังชัด ข้อกระดูกแข็งแรง กระดูกใหญ่ น้ำหนักตัวมาก
ล่ำสัน อวัยวะสมบูรณ์
ธาตุน้ำเจ้าเรือน จะมีรูปร่างสมบูรณ์ อวัยวะสมบูรณ์ สมส่วน
ผิวพรรณสดใสเต่งตึง ตาหวาน น้ำในตามาก ท่าทางเดินมั่นคง ผมดกดำงาม กินช้า
ทำอะไรชักช้า ทนหิว ทนร้อน ทนเย็นได้ดีเสียงโปร่ง
มีลูกดกหรือมีความรู้สึกทางเพศดีแต่มักเฉื่อยและค่อนข้างเกียจคร้าน
ธาตุไฟเจ้าเรือน มักขี้ร้อน ทนร้อนไม่ค่อยได้ หิวบ่อย
กินเก่ง ผมหงอกเร็ว มักหัวล้าน หนังย่น ผม ขนหนวด ค่อนข้างนิ่ม ไม่ค่อยอดทน ใจร้อน
ข้อกระดูกหลวม มีกลิ่นปาก กลิ่นตัวแรง ความต้องการทางเพศปานกลาง
ธาตุลมเจ้าเรือน จะมีผิวหนังหยาบแห้ง รูปร่างโปร่ง ผอม
ผมบาง ข้อกระดูกลั่นเมื่อเคลื่อนไหว ขี้อิจฉา ขี้ขลาด รักง่ายหน่ายเร็ว
ทนหนาวไม่ค่อยได้ นอนไม่คอยหลับ ช่างพูด เสียงต่ำ ออกเสียงไม่ชัด มีลูกไม่ดก
คือความรู้สึกทางเพศไม่ค่อยดี
ปัญหาของระบบธาตุ
ธาตุไฟ
หรือระบบของความร้อน
๑.พัทธปิตตะ หมายถึง
ดีในฝัก เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบน้ำดีภายในถุงน้ำดี และในตับ เช่น ตับอักเสบ
ถุงน้ำดีอักเสบ หรือนิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น
๒.อพัทธปิตตะ หมายถึง
ดีนอกฝัก เป็นโรคที่เกี่ยวกับน้ำดีภายในร่างกาย เช่น การทำงานของน้ำดี
ในระบบย่อยอาหาร ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย ดีซ่าน เป็นต้น
๓.กำเดา หมายถึง เปลวความร้อน ความร้อนภายในร่างกาย
ภาวะที่ทำให้เกิดอาการไข้และตัวร้อน และสีแดง เป็นสีที่ใช้แทนธาตุไฟ
ซึ่งตรงกับฤดูร้อน
ธาตุลม ระบบพลังงานและการรู้สึกรับรู้
๑.หทัยวาตะ หมายถึง
ลมที่เกี่ยวข้องกับการเต้นของหัวใจ จิตใจ สภาพอารมณ์ ทำให้เกิดการแปรปรวน
ของอารมณ์ได้
๒.สัตถกวาตะ หมายถึง
ลมอันแหลมคมดังศาสตราวุธ เกี่ยวข้องกับระบบประสาทต่าง ๆ และ เส้นเลือดฝอย
โรคเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยแตก ตีบตัน หรือเป็นอัมพาต
๓.สุมนาวาตะ หมายถึง ลมจากหัวใจและหลอดเลือดใหญ่กลางลำตัว ได้แก่
หัวใจ เส้นเลือดแดงใหญ่ เป็นต้น ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องความดันโลหิตในร่างกาย
โรคหัวใจ เป็นต้น
ธาตุน้ำ ระบบของเหลวในร่างกาย
๑.ศอเสมหะ
หมายถึง
โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจส่วนบน เมือกในลำคอ หลอดลมตอนต้น เช่น มีเสมหะ
ไซนัส ไข้หวัด เป็นต้น และสีฟ้าเป็นสีที่ใช้แทนธาตุน้ำ ซึ่งตรงกับฤดูหนาว
๒.อุระเสมหะ
หมายถึง
โรคที่เกี่ยวข้องกับทรวงอกและปอด เป็นเสมหะ น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
บริเวณช่วงกลางตัว เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ ปอดบวม โรคกระเพาะ เป็นต้น
๓.คูถเสมหะ หมายถึง
โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารส่วนปลาย เมือกผูกในลำไส้ น้ำในกระเพาะ
ปัสสาวะ เช่น ท้องเสีย บิดมูกเลือด ริดสีดวงทวาร กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ปัสสาวะผิดปกติ เป็นต้น
ทางการแพทย์แผนไทยมีความเชื่อในเรื่องธรรมชาติว่า
การเกิดรูปครั้งแรกในครรภ์มารดามีขนาดเล็กมาก
ขนาดเท่ากับหยดน้ำมันงาที่ติดอยู่ปลายขนจามรี หลังจากถูกสะบัด ถึง 7 ครั้ง และด้วยอิทธิพลของธาตุไฟก่อน จึงเกิดธาตุอื่น ตามมาจนครบธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ แล้วจึงเกิดเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณจนครบขันธ์
5 เมื่อครรภ์ ครบ 5 เดือน
นั่นคือชีวิตได้เกิดแล้ว และด้วยอิทธิพลธรรมชาติ ได้แก่ ความร้อน
ความเย็นของภูมิอากาศตามฤดูกาล ได้ทำให้ธาตุทั้ง 4
ของแต่ละคนแตกต่างกันไปและเริ่มมีอิทธิพลแล้วในครรภ์มารดา
ดังพระคัมภีร์ปฐมจินดากล่าวไว้ว่า
เมื่อตั้งครรภ์ในฤดูอันใด ธาตุอันใด
ให้เอาธาตุของฤดูนั้นเป็นที่ตั้งแห่งธาตุกำเนิดของกุมารกุมารีนั้นๆ
ตั้งครรภ์ในเดือน
5, 6, 7 เป็นลักษณะแห่งไฟ
ตั้งครรภ์ในเดือน
8, 9, 10 เป็นลักษณะแห่งลม
ตั้งครรภ์ในเดือน
11, 12, 1 เป็นลักษณะแห่งน้ำ
ตั้งครรภ์ในเดือน
2, 3, 4 เป็นลักษณะแห่งดิน
ธาตุดินเจ้าเรือน จะมีรูปร่างสูงใหญ่
ผิวค่อนข้างคล้ำ ผมดกดำ เสียงดังฟังชัด ข้อกระดูกแข็งแรง กระดูกใหญ่ น้ำหนักตัวมาก
ล่ำสัน อวัยวะสมบูรณ์
ธาตุน้ำเจ้าเรือน จะมีรูปร่างสมบูรณ์ อวัยวะสมบูรณ์ สมส่วน
ผิวพรรณสดใสเต่งตึง ตาหวาน น้ำในตามาก ท่าทางเดินมั่นคง ผมดกดำงาม กินช้า
ทำอะไรชักช้า ทนหิว ทนร้อน ทนเย็นได้ดีเสียงโปร่ง
มีลูกดกหรือมีความรู้สึกทางเพศดีแต่มักเฉื่อยและค่อนข้างเกียจคร้าน
ธาตุไฟเจ้าเรือน มักขี้ร้อน ทนร้อนไม่ค่อยได้ หิวบ่อย
กินเก่ง ผมหงอกเร็ว มักหัวล้าน หนังย่น ผม ขนหนวด ค่อนข้างนิ่ม ไม่ค่อยอดทน ใจร้อน
ข้อกระดูกหลวม มีกลิ่นปาก กลิ่นตัวแรง ความต้องการทางเพศปานกลาง
ธาตุลมเจ้าเรือน จะมีผิวหนังหยาบแห้ง รูปร่างโปร่ง ผอม
ผมบาง ข้อกระดูกลั่นเมื่อเคลื่อนไหว ขี้อิจฉา ขี้ขลาด รักง่ายหน่ายเร็ว
ทนหนาวไม่ค่อยได้ นอนไม่คอยหลับ ช่างพูด เสียงต่ำ ออกเสียงไม่ชัด มีลูกไม่ดก
คือความรู้สึกทางเพศไม่ค่อยดี
ปัญหาของระบบธาตุ
ธาตุไฟ หรือระบบของความร้อน
๑.พัทธปิตตะ หมายถึง
ดีในฝัก เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบน้ำดีภายในถุงน้ำดี และในตับ เช่น ตับอักเสบ
ถุงน้ำดีอักเสบ หรือนิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น
๒.อพัทธปิตตะ หมายถึง
ดีนอกฝัก เป็นโรคที่เกี่ยวกับน้ำดีภายในร่างกาย เช่น การทำงานของน้ำดี
ในระบบย่อยอาหาร ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย ดีซ่าน เป็นต้น
๓.กำเดา หมายถึง เปลวความร้อน ความร้อนภายในร่างกาย
ภาวะที่ทำให้เกิดอาการไข้และตัวร้อน และสีแดง เป็นสีที่ใช้แทนธาตุไฟ
ซึ่งตรงกับฤดูร้อน
ธาตุลม ระบบพลังงานและการรู้สึกรับรู้
๑.หทัยวาตะ หมายถึง
ลมที่เกี่ยวข้องกับการเต้นของหัวใจ จิตใจ สภาพอารมณ์ ทำให้เกิดการแปรปรวน
ของอารมณ์ได้
๒.สัตถกวาตะ หมายถึง
ลมอันแหลมคมดังศาสตราวุธ เกี่ยวข้องกับระบบประสาทต่าง ๆ และ เส้นเลือดฝอย
โรคเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยแตก ตีบตัน หรือเป็นอัมพาต
๓.สุมนาวาตะ หมายถึง ลมจากหัวใจและหลอดเลือดใหญ่กลางลำตัว ได้แก่
หัวใจ เส้นเลือดแดงใหญ่ เป็นต้น ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องความดันโลหิตในร่างกาย
โรคหัวใจ เป็นต้น
ธาตุน้ำ ระบบของเหลวในร่างกาย
๑.ศอเสมหะ
หมายถึง
โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจส่วนบน เมือกในลำคอ หลอดลมตอนต้น เช่น มีเสมหะ
ไซนัส ไข้หวัด เป็นต้น และสีฟ้าเป็นสีที่ใช้แทนธาตุน้ำ ซึ่งตรงกับฤดูหนาว
๒.อุระเสมหะ
หมายถึง
โรคที่เกี่ยวข้องกับทรวงอกและปอด เป็นเสมหะ น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
บริเวณช่วงกลางตัว เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ ปอดบวม โรคกระเพาะ เป็นต้น
๓.คูถเสมหะ หมายถึง
โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารส่วนปลาย เมือกผูกในลำไส้ น้ำในกระเพาะ
ปัสสาวะ เช่น ท้องเสีย บิดมูกเลือด ริดสีดวงทวาร กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ปัสสาวะผิดปกติ เป็นต้น
การสาธิตการนวดรักษาอาการ
ไหล่ติดเรื้อรัง
ลมจับโปงแห้งเข่า(เข่าติด) และอาการมดลูกเคลื่อน
1.อาการหัวไหล่ติด
ยกแขนชิดหูไม่ได้ ไหล่ติดยกแขนไม่ได้ เอามือล้วงกระเป๋าหลังไม่ได้ มือเท้าสะเอวไม่ได้ มือไพล่หลังไม่ได้
๑.หัวไหล่ติดเฉียบพลัน
ก.ไหล่ติดจริง หินปูนเกาะ ข้อต่อยืด ข้อต่อหดตัว องศาการยกของแขนแคบลง
ข.ไหล่ติดเทียม ปวดเจ็บ กล้ามเนื้อไหล่
(กล้ามเนื้อหัวไหล่ยกไม่ได้องศา ถ้าช่วยจับจะยกขึ้นได้)
เนื่องจากการปวดร้าวส่งต่อมาจากโรคอื่น เช่น ลมปลายปัตคาตโค้งคอ
๒.หัวไหล่ติดเรื้อรัง
มาจากอาการหัวไหล่ติดเฉียบพลัน
แล้วไม่รักษาไม่หาย หรือไม่ได้รักษา นานเกิน 6
เดือน และการรักษาต้องใช้ระยะเวลา 8
เดือน ถึง 2ปี
2.อาการมดลูกเคลื่อน
เป็นอาการที่เกิดกับตัวมดลูก แบ่งเป็น ๓ ชนิด
คือ มดลูกตะแคง มดลูกต่ำ และมดลูกลอย
มดลูกเคลื่อน เกิดได้ทั้งผู้หญิงที่แต่งงานและไม่แต่งงาน
มีอาการ คือ
ปวดบริเวณท้องน้อยบริเวณตำแหน่งมดลูกมาก ปวดหลัง ปวดเอว เย็นปลายมือปลายเท้า
มีตกขาว ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่คันช่องคลอด
มดลูกด่ำ
อาการ คือ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่เวลาไอ หัวเราะ ยกของหนัก
ก้าวขึ้นลงบันไดปัสสาวะเล็ด หรือกะปริดกะปรอย เวลาจามปัสสาวะจะราด กลั้นไม่อยู่
มีอาการปวดหลังร้าวลงมาท้องน้อย
ในสตรีบางรายที่มีปัญหากระดุกสันหลังคดเอียงและเรื้อรังจะก่อให้เกิดอาการมดลูกด่ำได้
3.โรคลมจับโปง
จับโปง
เป็นชื่อโรคที่เกิดกับข้อเข่า และข้อเท้า มีสภาวะเลือดตกตะกอนในข้อ มีอาการอักเสบ
ปวด บวม แดง ร้อน โรคจับโปงมี ๒ ชนิด คือจับโปงน้ำ และจับโปงแห้ง
โรคนี้มักจะกำเริบในช่วงปลายฝนต้นหนาว
โรคจับโปงน้ำ
- อาการจะปวดมาก บวม แดง ร้อน
- มีน้ำในไขข้อมาก
- ขณะที่บวมและอักเสบจะมีความร้อนขึ้นเสมอซึ่งสามารถทำ
ให้เป็นไข้ได้เรียกว่า “ไข้จับโปง”
โรคจับโปงแห้ง
- อาการจะบวม
แดง ร้อนที่เข่าเล็กน้อย
-มีสภาวะเข่าติด
ขาโก่งนั่งยองๆไม่ได้
สาเหตุ
๑.เข่าเสื่อมตามวัย
๒.
เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เลือดตกตะกอนในข้อเข่ามีน้ำในเข่าชนิดใส เหตุเนื่องจาด
อาหาร อากาศ พฤติกรรม ท่าทาง
๓.ใช้งานเข่ามากเกินไป
เช่น นักกีฬาวิ่ง การยืนหรือเดินนานๆ
๔.ผันแปรมาจากรอยโรคอื่น
เช่น อุบัติเหตุ เข่าเบี่ยง
๕.โรคอ้วนน้ำหนักตัวมาก
จัดทำโดย พท.เกรียงไกร อาตม์ประสิทธิ์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น