เอกสารอ่านสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย/พอ รอ บอ สถานพยาบาล 2541 สำหรับผู้พิการทางการเห็น
1. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการตาม ซึ่งมีคําสั่งเป็นหนังสือเรียกให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมาให้ถ้อยคําหรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องหรือสิ่งใดมาเพื่อประกอบการพิจารณาใดๆ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
2.ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับ ใบอนุญาตจากผู้อนุญาต หรือห้ามมิให้บุคคลใดดําเนินการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจาก ผู้อนุญาต ผู้ใดฝ่าฝืนต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และศาลจะสั่งริบบรรดา สิ่งของที่ใช้ในการประกอบกิจการสถานพยาบาลด้วยก็ได้
3.ในกรณีที่มีการโฆษณาหรือประกาศต้องได้รับอนุมัติข้อความ เสียง หรือภาพที่ใช้ในการโฆษณาหรือประกาศจากผู้อนุญาต แล้วผู้รับอนุญาตไม่ปฏิบัติตามคําสั่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจลักษณะของสถานพยาบาล และการประกอบกิจการของสถานพยาบาลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้โดยสม่ําเสมอตามคำสั่งผู้อนุญาต ในการนี้ถ้า พบว่าสถานพยาบาล ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องใช้ยาและเวชภัณฑ์ของสถานพยาบาลนั้นมีลักษณะที่ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในสถานพยาบาลหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานพยาบาล ผู้อนุญาตมี อํานาจออกคําสั่งให้ผู้รับอนุญาตแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมภายในระยะเวลาที่กําหนด แล้วผู้รับอนุญาตไม่ปฏิบัติตามคําสั่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
เมิ่อพนักงานเจ้าหน้าสั่งให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการ แล้วแต่กรณี ระงับหรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่เห็นสมควร แล้วผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
4.การโอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลให้แก่บุคคล ซึ่งมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามให้กระทําได้เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต หากผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานพยาบาลนั้น หากผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ผู้รับอนุญาตต้องแสดงรายละเอียดดังต่อไปนี้ณ สถานพยาบาลนั้น (๑) ชื่อสถานพยาบาล (๒) รายการเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล (๓) อัตราค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ค่าบริการทางการแพทย์ค่าบริการอื่น และสิทธิของผู้ป่วยที่สถานพยาบาลต้องแสดง หากผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตประสงค์จะเปลี่ยนแปลงการประกอบกิจการของ สถานพยาบาลให้แตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต หรือก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ หรือดัดแปลง อาคารเกินกว่าที่กําหนดในกฎกระทรวงเพื่อใช้ในการประกอบกิจการสถานพยาบาล ให้กระทําได้เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต หากผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
การเปลี่ยนชื่อสถานพยาบาล ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต หากผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
5.ผู้รับอนุญาตผู้ใดประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยมิได้จัดให้มีผู้ดําเนินการ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจํา ทั้งปรับ
6.ถ้าผู้ดําเนินการพ้นจากหน้าที่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เกินเจ็ดวัน ผู้รับอนุญาตอาจมอบหมายให้บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติ ดําเนินการแทนได้ไม่เกินเก้าสิบวัน ในกรณีเช่นว่านี้ให้ผู้ได้รับมอบหมายให้ดําเนินการแทนแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบภายในสาม วันนับแต่วันที่เข้าดําเนินการแทน หากไม่แจ้งภายในกําหนดเวลาต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทําลายในสาระสําคัญ ให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการ แล้วแต่กรณีแจ้งต่อผู้อนุญาตและยื่นคําขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบการสูญหายหรือถูกทําลายดังกล่าว หากไม่แจ้งภายในกําหนดเวลาต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
เมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ผู้รับอนุญาตต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบภายในกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนนั้น หากไม่แจ้งภายในกําหนดเวลาต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ผู้รับอนุญาตผู้ใดประสงค์จะเลิกกิจการสถานพยาบาล ต้องแจ้งเป็น หนังสือและจัดทํารายงานที่จะปฏิบัติเกี่ยวกับผู้ป่วยให้ผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน หากไม่แจ้งภายในกําหนดเวลาต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
7.ผู้รับอนุญาตจะเรียกเก็บหรือยินยอมให้มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและ เวชภัณฑ์ค่าบริการทางการแพทย์หรือค่าบริการอื่นเกินอัตราที่ได้แสดงไว้มิได้ และต้องให้บริการแก่ ผู้ป่วยตามสิทธิที่ได้แสดงไว้ ผู้รับอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
8.ให้ผู้ดําเนินการมีหน้าที่และความรับผิดชอบควบคุมและดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลประกอบวิชาชีพผิดไป จากสาขา ชั้น หรือแผน ที่ผู้รับอนุญาตได้แจ้งไว้ในการขอรับใบอนุญาต หรือมิให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทําการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล หากผู้ดําเนินการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมีโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
9.ให้ผู้ดําเนินการมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ควบคุมและดูแลมิให้มีการรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเกินจํานวนเตียงตามที่กําหนดไว้ใน ใบอนุญาต เว้นแต่กรณีฉุกเฉินซึ่งหากไม่รับไว้อาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย หากผู้ดําเนินการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ให้ผู้ดําเนินการมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ควบคุมและดูแลสถานพยาบาลให้สะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย และมีลักษณะ อันเหมาะสมแก่การใช้เป็นสถานพยาบาล หากผู้ดําเนินการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
10.ผู้ดําเนินการต้องควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพของตน หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันดังนี้ (๑) จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามวิชาชีพและจํานวนที่กําหนดใน กฎกระทรวงตลอดเวลาทําการ (๒) จัดให้มีเครื่องมือ เครื่องใช้ยา และเวชภัณฑ์ที่จําเป็นประจําสถานพยาบาลนั้น ตามชนิดที่กําหนดในกฎกระทรวง (๓) จัดให้มีและรายงานหลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและ ผู้ป่วย และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดใน กฎกระทรวง โดยต้องเก็บรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพที่ตรวจสอบได้ไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่จัดทํา (๔) ควบคุมและดูแลการประกอบกิจการสถานพยาบาลให้เป็นไปตามมาตรฐานการ บริการที่รัฐมนตรีประกาศ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
11.ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแล ให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจําเป็นต้องได้รับการ รักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของ สถานพยาบาลนั้นๆ ให้สถานพยาบาลมีหน้าที่ ระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาหรือดําเนินการตามความเหมาะสมและความจําเป็น ถ้ามีความจําเป็นต้องส่งต่อ หรือผู้ป่วยมีความประสงค์จะไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ผู้รับอนุญาตและ ผู้ดําเนินการต้องจัดการให้มีการจัดส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่นตามความเหมาะสม หากผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
12.ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการต้องควบคุมดูแลมิให้มีการใช้หรือยินยอม ให้ผู้อื่นใช้สถานพยาบาลประกอบกิจการสถานพยาบาลผิดประเภทหรือผิดลักษณะการให้บริการ ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต หากผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
13.ผู้ใดประสงค์จะโฆษณาหรือประกาศด้วยประการใด ๆ เกี่ยวกับการ ประกอบกิจการของสถานพยาบาล นอกจากชื่อและที่ตั้งของสถานพยาบาลตามที่ปรากฏใน ใบอนุญาต ต้องได้รับอนุมัติข้อความ เสียง หรือภาพที่ใช้ในการโฆษณาหรือประกาศจากผู้อนุญาต หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทนับแต่วันที่ฝ่าฝืนคําสั่งที่ให้ระงับการโฆษณา หรือประกาศ ทั้งนี้จนกว่าจะระงับการโฆษณาหรือประกาศดังกล่าว
14. การโฆษณาหรือประกาศด้วยประการใด ๆ ซึ่งชื่อ ที่ตั้ง หรือกิจการของ สถานพยาบาล หรือคุณวุฒิหรือความสามารถของผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล เพื่อชักชวนให้มี ผู้มาขอรับบริการจากสถานพยาบาลโดยใช้ข้อความ เสียง หรือภาพอันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความ จริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสําคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล จะกระทํามิได้ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทนับแต่วันที่ฝ่าฝืนคําสั่งที่ให้ ระงับการโฆษณาหรือประกาศ ทั้งนี้จนกว่าจะระงับการโฆษณาหรือประกาศดังกล่าว
15.เมื่อได้รับแจ้งจากผู้รับอนุญาตว่ามีความประสงค์เลิกกิจการสถานพยาบาล ผู้อนุญาตมีอํานาจสั่งให้ผู้รับอนุญาตต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดก่อนเลิกกิจการก็ได้ ทั้งนี้ ี้โดยให้พิจารณาถึงประโยชน์และส่วนได้เสียของผู้ป่วยใน สถานพยาบาลนั้นเป็นสําคัญ หากผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผู้อนุญาตต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
16.ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปนี้ (๑) เข้าไปในอาคารสถานที่หรือยานพาหนะที่พนักงานเจ้าหน้าที่มีเหตุอันควรสงสัย ว่าเป็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) เข้าไปในสถานพยาบาลในระหว่างเวลาทําการเพื่อตรวจสอบและควบคุมให้การ เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ (๓) มีหนังสือเรียกผู้รับอนุญาต ผู้ดําเนินการ ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลมาให้ถ้อยคําหรือชี้แจงหรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมา เพื่อประกอบการพิจารณา (๔) ยึดหรืออายัดบรรดาเอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้เพื่อเป็นหลักฐานในการดําเนินคดี ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับอนุญาต ผู้ดําเนินการ ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาล หรือบุคคลซึ่งอยู่ใน สถานพยาบาลนั้นอํานวยความสะดวกตามสมควร หากผู้รับอนุญาต ผู้ดําเนินการ ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ ของสถานพยาบาล หรือบุคคลซึ่งอยู่ในสถานพยาบาล ผู้ใดไม่อํานวยความสะดวกให้แก่ พนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
17.ผู้ใดประกอบกิจการสถานพยาบาลในระหว่างที่สถานพยาบาลนั้นถูกสั่ง ปิดชั่วคราว ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้ง ปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน
18.เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลในกรณีที่ (๑) ผู้รับอนุญาตตาย และไม่มีผู้แสดงความจํานงเพื่อขอประกอบกิจการหรือผู้แสดง ความจํานงนั้น ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม (๒) ผู้อนุญาตมีคําสั่งปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรือมีคําสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ผู้อนุญาตอาจมีคําสั่งให้สถานพยาบาลนั้น อยู่ในความควบคุมของคณะกรรมการเพื่อ ดําเนินการใด ๆ ตามที่เห็นสมควรได้ ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อํานวยความสะดวกให้แก่คณะกรรมการ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
19.ผู้รับอนุญาต ผู้ดําเนินการ ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล หรือ เจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลผู้ใด จัดทําหรือยินยอมให้ผู้อื่นจัดทําหลักฐานเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล และค่าบริการเอกสารแสดงการตรวจโรค เอกสารแสดงผลการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาล หรือ เอกสารกรณีอื่นอันเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับ ไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
20.ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทําความผิดของ นิติบุคคลนั้นเกิดจากการสั่งการหรือการกระทําของกรรมการ หรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่ง รับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือ กระทําการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทําการจนเป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระทําความผิด ผู้นั้นต้อง รับโทษตามที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย
21.คณะกรรมการเปรียบเทียบคดี ในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็น ประธานกรรมการ ผู้อํานวยการสํานักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการ สุขภาพ และผู้แทนสํานักงานอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ และให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แต่งตั้งข้าราชการของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพคนหนึ่ง เป็นเลขานุการ และอีกไม่เกินสองคน เป็น ผู้ช่วยเลขานุการ
22.คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีในเขตจังหวัดอื่น ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ อัยการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นกรรมการ และให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด แต่งตั้งข้าราชการของสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดคนหนึ่ง เป็นเลขานุการ และอีกไม่เกินสองคน เป็น ผู้ช่วยเลขานุการ
23.ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียวหรือที่มีโทษจําคุกไม่ เกินหนึ่งปีให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีมีอํานาจเปรียบเทียบปรับได และเมื่อผู้ต้องหาได้เสียค่าปรับตามที่เปรียบเทียบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการ เปรียบเทียบปรับ ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยที่พนักงานสอบสวนพบว่าผู้ใดกระทําความผิดที่มีอัตราโทษปรับสถานเดียวหรือที่มีโทษจําคุกไม่ เกินหนึ่งปี และผู้นั้นยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดี ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ผู้นั้นแสดงความยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ
24. พระราชบัญญัติ สถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงลงพระปรมาภิไธย ณ.วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเป็นต้นไป
25.สถานพยาบาล” หมายความว่า สถานที่รวมตลอดถึงยานพาหนะซึ่งจัดไว้เพื่อการประกอบ โรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ การประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วย วิชาชีพเวชกรรม การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพ การพยาบาลและการผดุงครรภ์ การประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม การประกอบวิชาชีพกายภาพบําบัดตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพกายภาพบําบัด การประกอบวิชาชีพ เทคนิคการแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ การประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ทั้งนี้ โดยกระทํา เป็นปกติธุระไม่ว่าจะได้รับประโยชน์ตอบแทนหรือไม่”
26.ผู้ประกอบวิชาชีพ” หมายความว่า ผู้ประกอบโรคศิลปะ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพกายภาพบําบัด ผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
27.ผู้อนุญาต หมายความว่า อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมสนับสนุน บริการสุขภาพมอบหมาย”
28.ผู้รับอนุญาต หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล
29.ผู้ดําเนินการ หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ดําเนนการสถานพยาบาล
30.ผู้ป่วย หมายความว่า ผู้ขอรับบริการในสถานพยาบาล
31.ใบอนุญาต หมายความว่า ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล หรือ ใบอนุญาตให้ดําเนินการสถานพยาบาล
32.พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เป็นผู้ปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติ
33.คณะกรรมการสถานพยาบาลกรรมการโดยตําแหน่งประกอบด้วย (1)ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ (2) อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะ เป็นกรมทุกกรมในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสุขภาพจิต และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย (3)ผู้แทนกระทรวงกลาโหม (4)ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย (5) ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (6)(ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (7)ผู้แทนสถาบัน รับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (8)กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวน 15 คน
34.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากบุคคล ดังต่อไปนี้
1.ผู้ประกอบโรคศิลปะโดยคําแนะนําของคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะจํานวนสองคน และผู้ประกอบวิชาชีพโดยคําแนะนําของสภาวิชาชีพ ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเพื่อควบคุมการประกอบ วิชาชีพนั้น จํานวนหกคน ได้แก่ ผู้แทนแพทยสภา ผู้แทนสภาการพยาบาล ผู้แทนสภาเภสัชกรรม ผู้แทนทันตแพทยสภา สภาวิชาชีพละหนึ่งคน และผู้แทนสภาวิชาชีพอื่นเลือกกันเองจํานวนสองคน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด .....*รวมผู้ประกอบโรคศิลป์และผู้แทนสภาวิชาชีพ ทั้งหมดสิบคน
2.ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจํานวนห้าคนซึ่งในจํานวนนี้จะต้องแต่งตั้งจากผู้ดําเนินการสองคน คณบดี คณะแพทยศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษาหนึ่งคน ผู้แทนสมาคมโรงพยาบาลเอกชนหนึ่งคน และผู้แทน องค์กรเอกชนที่ดําเนินกิจกรรมทางด้านคุ้มครองผู้บริโภคหนึ่งคน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
35.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสามปี
36.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากครบวาระในการดำรงตำแหน่งแล้วยังสามารถพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุต่อไปนี้ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) รัฐมนตรีให้ออก (๔) เป็นบุคคลล้มละลาย (๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๖) พ้นจากการเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ดําเนินการในกรณีที่ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในฐานะนั้น (๗) ได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาหรือคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
37.ให้รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้อํานวยการสํานักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ
38.คณะกรรมการมีหน้าที่ให้คําปรึกษา ให้ความเห็น และให้คําแนะนําแก่รัฐมนตรี หรือผู้อนุญาตในเรื่องดังต่อไปนี้ (๑) การออกกฎกระทรวงหรือประกาศ (๒) การอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล การดําเนินการสถานพยาบาล การปิด สถานพยาบาล หรือการเพิกถอนใบอนุญาต (๓) การส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการบริการของสถานพยาบาล (๔) การควบคุมหรือการพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการดําเนินการสถานพยาบาล (๕) การกําหนดลักษณะและมาตรฐาน หรือการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (๖) การกําหนดผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน โรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อ ที่ต้องเฝ้าระวังหรือโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ (๗) เรื่องอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีหรือผู้อนุญาตมอบหมาย”
39.ผู้รับอนุญาตต้องแสดงรายละเอียดดังต่อไปนี้ ณ สถานพยาบาลนั้น (๑) ชื่อสถานพยาบาล (๒) รายการเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชพในสถานพยาบาล (๓) อัตราค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าบริการอื่น และสิทธิของผู้ป่วยที่สถานพยาบาล*ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนด ในกฎกระทรวง
40.ผู้ดําเนินการมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังต่อไปนี้
(๑) ควบคุมและดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลประกอบวิชาชีพผิดไปจากสาขา ชั้น หรือแผน ที่ผู้รับอนุญาตได้แจ้งไว้ในการขอรับใบอนุญาต หรือมิให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ทําการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล
(๒) ควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับ การประกอบวิชาชีพของตน
(๓) ควบคุมและดูแลมิให้มีการรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนเกินจํานวนเตียงตามที่กําหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่กรณีฉุกเฉินซึ่งหากไม่รับไว้อาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย
(๔) ควบคุมและดูแลสถานพยาบาลให้สะอาด เรียบร้อยปลอดภัย และมีลักษณะอันเหมาะสม แก่การใช้เป็นสถานพยาบาล
41.ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแลให้มี การช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจําเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล โดยฉุกเฉิน เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของสถานพยาบาลนั้น ๆ ให้สถานพยาบาลมีหน้าที่ระดมทรัพยากร และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาหรือดําเนินการตามความเหมาะสมและความจําเป็น และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการ และถ้ามีความจําเป็นต้องส่งต่อหรือผู้ป่วย มีความประสงค์จะไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการต้องจัดการ ให้มีการจัดส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่นตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการ
42.สถานพยาบาลมี๒ ประเภท ดังต่อไปนี้ (๑) สถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (๒) สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
43.การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่ง หนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
44.ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการ คนหนึ่งเป็นประธานที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งใน การลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็น เสียงชี้ขาด
45.คณะกรรมการมีอํานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาและเสนอ ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในขอบเขตแห่งหน้าที่ของคณะกรรมการได้
46.ให้รัฐมนตรีโดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนด มาตรฐานการบริการของสถานพยาบาล
47.ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต
48.ผู้ขอรับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้ (๑) มีอายุไม่ต่ํากว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (๒) มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (๓) ไม่เคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาหรือคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายถึงที่สุดให้ จําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๔) ไม่เป็นโรคตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดในราชกิจจานุเบกษา (๕) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (๖) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ขอรับอนุญาต ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นต้องมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่งด้วย
48.ในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลของผู้ อนุญาต จะต้องปรากฏว่าผู้ขอรับใบอนุญาตได้จัดให้มีกรณีดังต่อไปนี้โดยถูกต้องครบถ้วนแล้ว (๑) มีแผนงานการจัดตั้งสถานพยาบาลที่ได้รับอนุมัติแล้วตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง (๒) มีสถานพยาบาลตามลักษณะที่กําหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๑๔ (๓) มีเครื่องมือ เครื่องใช้เวชภัณฑ์หรือยานพาหนะที่จําเป็นประจําสถานพยาบาล นั้น ตามชนิดและจํานวนที่กําหนดในกฎกระทรวง (๔) มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามวิชาชีพและจํานวนที่กําหนดใน กฎกระทรวง (๕) ชื่อสถานพยาบาลต้องเป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
49.รัฐมนตรีโดย คําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนดจํานวนสถานพยาบาลที่จะอนุญาตให้ตั้ง หรือมี บริการทางการแพทย์บางประเภทในสถานพยาบาลในท้องที่ใดท้องที่หนึ่งได
50.ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ให้ใช้ได้จนถึงวันสิ้นปี ปฏิทินของปีที่สิบนับแต่ปีที่ออกใบอนุญาต
51.การขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคําขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคําขอแล้ว ให้ ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลต่อไปได้จนกว่าผู้อนุญาตจะสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุ
52.ผู้รับอนุญาตต้องชําระค่าธรรมเนียม ถ้ามิได้ชําระค่าธรรมเนียมภายในเวลาที่ กําหนด ให้ชําระเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าต่อเดือน และถ้ายังไม่ยินยอมชําระค่าธรรมเนียมและเงินเพิ่ม หลังจากพ้นกําหนดหกเดือนให้ผู้อนุญาตสั่งระงับหรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ไม่เป็นเหตุลบล้างความผิดตาม พระราชบัญญัติน
53.การโอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลให้แก่บุคคล ซึ่งมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามให้กระทําได้เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต
54.ถ้าผู้รับอนุญาตตายและมีบุคคลแสดงความจํานงต่อผู้อนุญาตภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ผู้รับอนุญาตตาย เพื่อขอประกอบกิจการที่ผู้ตายได้รับอนุญาตนั้นต่อไป เมื่อผู้ อนุญาตตรวจสอบแล้วว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ก็ให้ผู้แสดงความจํานงนั้นประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าใบอนุญาตนั้นสิ้นอายุ
55.ผู้รับอนุญาตต้องจัดให้มีผู้ดําเนินการคนหนึ่ง เป็นผู้มีหน้าที่ควบคุม ดูแล และรับผิดชอบในการดําเนินการสถานพยาบาล
56.ห้ามมิให้บุคคลใดดําเนินการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจาก ผู้อนุญาต
57.ในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้ดําเนินการสถานพยาบาลของผู้อนุญาตจะต้องปรากฏว่าผู้ขอรับใบอนุญาต (๑) เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ แต่บุคคลเช่นว่านี้จะได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ดําเนินการ ตามประเภทใดหรือสถานพยาบาลที่ให้บริการทางการแพทย์ใด ให้เป็นไปตามที่กําหนดใน กฎกระทรวง (๒) ไม่เป็นผู้ดําเนินการอยู่ก่อนแล้วสองแห่ง แต่ในกรณีที่เป็นผู้ดําเนินการประเภทที่ รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนอยู่แล้วแห่งหนึ่ง จะอนุญาตให้เป็นผู้ดําเนินการประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนอีกแห่ง หนึ่งไม่ได้ (๓) เป็นผู้ที่สามารถควบคุมดูแลกิจการสถานพยาบาลได้โดยใกล้ชิ
58.ถ้าผู้ดําเนินการพ้นจากหน้าที่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เกินเจ็ดวัน ผู้รับอนุญาตอาจมอบหมายให้บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติ ดําเนินการแทนได้ไม่เกินเก้าสิบวัน ในกรณีเช่นว่านี้ให้ผู้ได้รับมอบหมายให้ดําเนินการแทนแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบภายในสาม วันนับแต่วันที่เข้าดําเนินการแทน
59.ผู้รับอนุญาต ผู้ดําเนินการ และผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลแห่ง หนึ่ง ๆ จะเป็นบุคคลคนเดียวกันก็ได้
60.ใบอนุญาตให้ดําเนินการสถานพยาบาลให้ใช้ได้จนถึงวันสิ้นปีปฏิทินของ ปีที่สองนับแต่ปีที่ออกใบอนุญาต และการขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคําขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคําขอแล้วให้ ผู้นั้นดําเนินการสถานพยาบาลต่อไปได้จนกว่าผู้อนุญาตจะสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออาย
61.ในกรณีที่ผู้อนุญาตไม่ออกใบอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้ต่ออายุ ใบอนุญาต ผู้ขอรับใบอนุญาตหรือผู้ขอต่ออายุใบอนุญาต แล้วแต่กรณีมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อ รัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการไม่ออกใบอนุญาตหรือการไม่อนุญาตให้ต่ออายุ ใบอนุญาต และคําวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
62. ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหายหรือถูกทําลายในสาระสําคัญ ให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการ แจ้งต่อผู้อนุญาตและยื่นคําขอรับใบแทนใบอนุญาตภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับทราบการสูญหายหรือถูกทําลายดังกล่าว
63.ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานพยาบาลนั้น
64.ผู้รับอนุญาตต้องแสดงรายละเอียดดังต่อไปนี้ณ สถานพยาบาลนั้น (๑) ชื่อสถานพยาบาล (๒) รายการเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล (๓) อัตราค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ค่าบริการทางการแพทย์ค่าบริการอื่น และสิทธิของผู้ป่วยที่สถานพยาบาลต้องแสดง
65.รัฐมนตรีโดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนด ชนิดหรือประเภทของการรักษาพยาบาล ยาและเวชภัณฑ์การบริการทางการแพทย์หรือการบริการ อื่นของสถานพยาบาล และสิทธิของผู้ป่วย ซึ่งผู้รับอนุญาตจะต้องแสดง
66.ผู้รับอนุญาตจะเรียกเก็บหรือยินยอมให้มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและ เวชภัณฑ์ค่าบริการทางการแพทย์หรือค่าบริการอื่นเกินอัตราที่ได้แสดงไว้มิได้และต้องให้บริการแก่ ผู้ป่วยตามสิทธิที่ได้แสดงไว้
67.เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสุขภาพของประชาชน ให้รัฐมนตรี โดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนดผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ ฉุกเฉิน โรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือสาธารณภัยตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งผู้ป่วยจําเป็นต้องได้รับ การรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาล
68.ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการมีหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกัน ดังนี้ (๑) จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามวิชาชีพและจํานวนที่กําหนดใน กฎกระทรวงตลอดเวลาทําการ (๒) จัดให้มีเครื่องมือ เครื่องใช้ยา และเวชภัณฑ์ที่จําเป็นประจําสถานพยาบาลนั้น ตามชนิดที่กําหนดในกฎกระทรวง (๓) จัดให้มีและรายงานหลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและ ผู้ป่วย และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง โดยต้องเก็บรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพที่ตรวจสอบได้ไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่จัดทํา (๔) ควบคุมและดูแลการประกอบกิจการสถานพยาบาลให้เป็นไปตามมาตรฐานการ บริการที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
39.ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแล ให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจําเป็นต้องได้รับการ รักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของ สถานพยาบาลนั้น ๆ ง ให้สถานพยาบาลมีหน้าที่ ระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาหรือดําเนินการตามความเหมาะสมและความ จําเป็น เมื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยตามวรรคหนึ่งแล้ว ถ้ามีความจําเป็นต้องส่งต่อ หรือผู้ป่วยมีความประสงค์จะไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ผู้รับอนุญาตและ ผู้ดําเนินการต้องจัดการให้มีการจัดส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่นตามความเหมาะสม
70.ผู้รับอนุญาตและผู้ดําเนินการต้องควบคุมดูแลมิให้มีการใช้หรือยินยอม ให้ผู้อื่นใช้สถานพยาบาลประกอบกิจการสถานพยาบาลผิดประเภทหรือผิดลักษณะการให้บริการ ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
71.ผู้ใดประสงค์จะโฆษณาหรือประกาศด้วยประการใด ๆ เกี่ยวกับการ ประกอบกิจการของสถานพยาบาล นอกจากชื่อและที่ตั้งของสถานพยาบาลตามที่ปรากฏใน ใบอนุญาต ต้องได้รับอนุมัติข้อความ เสียง หรือภาพที่ใช้ในการโฆษณาหรือประกาศจากผู้อนุญาต
72.การโฆษณาหรือประกาศด้วยประการใด ๆ ซึ่งชื่อ ที่ตั้ง หรือกิจการของ สถานพยาบาล หรือคุณวุฒิหรือความสามารถของผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล เพื่อชักชวนให้มี ผู้มาขอรับบริการจากสถานพยาบาลโดยใช้ข้อความ เสียง หรือภาพอันเป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความ จริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสําคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล จะกระทํามิได้
73.ในกรณีที่มีการโฆษณาหรือประกาศฝ่าฝืนผู้อนุญาตมีอํานาจสั่งเป็นหนังสือให้ผู้โฆษณาหรือประกาศระงับการกระทําดังกล่าวได้
74.ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตประสงค์จะเปลี่ยนแปลงการประกอบกิจการของ สถานพยาบาลให้แตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต หรือก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ หรือดัดแปลง อาคารเกินกว่าที่กําหนดในกฎกระทรวงเพื่อใช้ในการประกอบกิจการสถานพยาบาลให้กระทําได้เมื่อ ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต
75.ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตประสงค์จะย้ายสถานพยาบาลไปประกอบกิจการ ที่อื่น ให้ดําเนินการเสมือนเป็นผู้ขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลใหม่
76.เมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ผู้รับอนุญาตต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบภายในกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่มีการ เปลี่ยนนั้น
77.การเปลี่ยนชื่อสถานพยาบาลต้องได้รับ อนุญาตจากผู้อนุญาต
78.ผู้รับอนุญาตผู้ใดประสงค์จะเลิกกิจการสถานพยาบาล ต้องแจ้งเป็น หนังสือและจัดทํารายงานที่จะปฏิบัติเกี่ยวกับผู้ป่วยให้ผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน และง ผู้อนุญาตมีอํานาจสั่งให้ผู้รับอนุญาตต้องปฏิบัติอย่าง หนึ่งอย่างใดก่อนเลิกกิจการก็ได้ ทั้งนี้โดยให้พิจารณาถึงประโยชน์และส่วนได้เสียของผู้ป่วยใน สถานพยาบาลนั้นเป็นสําคัญ
79.ให้ผู้อนุญาตจัดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจลักษณะของสถานพยาบาล และการประกอบกิจการของสถานพยาบาลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้โดยสม่ําเสมอ ในการนี้ถ้า พบว่าสถานพยาบาล ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องใช้ยาและเวชภัณฑ์ของสถานพยาบาลนั้นมีลักษณะที่ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในสถานพยาบาลหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานพยาบาล ผู้อนุญาตมี อํานาจออกคําสั่งให้ผู้รับอนุญาตแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมภายในระยะเวลาที่กําหนดได้
80.ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปนี้ (๑) เข้าไปในอาคารสถานที่หรือยานพาหนะที่พนักงานเจ้าหน้าที่มีเหตุอันควรสงสัย ว่าเป็นสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) เข้าไปในสถานพยาบาลในระหว่างเวลาทําการเพื่อตรวจสอบและควบคุมให้การ เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ (๓) มีหนังสือเรียกผู้รับอนุญาต ผู้ดําเนินการ ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลมาให้ถ้อยคําหรือชี้แจงหรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมา เพื่อประกอบการพิจารณา (๔) ยึดหรืออายัดบรรดาเอกสารหรือสิ่งของที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้เพื่อเป็นหลักฐานในการดําเนินคดี ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับอนุญาต ผู้ดําเนินการ ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล เจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาล หรือบุคคลซึ่งอยู่ใน สถานพยาบาลนั้นอํานวยความสะดวกตามสมควร
81.ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจําตัว บัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ และในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ให้ผู้อนุญาตและพนักงาน เจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
82.เมื่อปรากฏว่าผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการปฏิบัติไม่ถูกต้องตาม พระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการ แล้วแต่กรณี ระงับหรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ไม่เป็นเหตุลบล้างความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้
83.ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการ กระทําการหรือละเว้นกระทํา การอย่างใด ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตราย ความเสียหายหรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่ผู้ที่อยู่ใน สถานพยาบาลหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานพยาบาล หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผู้อนุญาต หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ผู้อนุญาตมีอํานาจออกคําสั่งปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้ดําเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กําหนด ถ้าผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการได้ดําเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กําหนด แล้ว ให้ผู้อนุญาตสั่งเพิกถอนคําสั่งปิดสถานพยาบาล
84.ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามถ้าผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการไม่ดําเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่ผู้อนุญาตกําหนด ให้ผู้อนุญาตโดยคําแนะนํา ของคณะกรรมการมีอํานาจออกคําสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลได้ ถ้าผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการต้องคําพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทําผิดตาม พระราชบัญญัตินี้และผู้อนุญาตเห็นว่าเป็นกรณีร้ายแรงอันอาจมีผลกระทบกระเทือนต่อการ รักษาพยาบาลผู้ป่วยต่อไป ให้ผู้อนุญาตโดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจออกคําสั่งเพิกถอน ใบอนุญาตของผู้นั้นได้
86.ผู้ขอรับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้ (๑) มีอายุไม่ต่ํากว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (๒) มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (๓) ไม่เคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาหรือคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายถึงที่สุดให้ จําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๔) ไม่เป็นโรคตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดในราชกิจจานุเบกษา (๕) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (๖) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ขอรับอนุญาต ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นต้องมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามนั้นด้วย
87. เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลในกรณีที่ (๑) ผู้รับอนุญาตตาย และไม่มีผู้แสดงความจํานงเพื่อขอประกอบกิจการหรือผู้แสดง ความจํานงนั้นขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม (๒) ผู้อนุญาตมีคําสั่งปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรือมีคําสั่ง เพิกถอนใบอนุญาต ผู้อนุญาตอาจมีคําสั่งให้สถานพยาบาลนั้น อยู่ในความควบคุมของคณะกรรมการเพื่อ ดําเนินการใด ๆ ตามที่เห็นสมควรได้
88.คําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือของผู้อนุญาต ให้ทําเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนให้ผู้รับอนุญาตหรือ ผู้ดําเนินการ ณ ภูมิลําเนาของผู้นั้น แล้วแต่กรณีถ้าไม่พบตัวหรือไม่ยอมรับคําสั่งดังกล่าว ให้จัดการ ปิดคําสั่งไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานพยาบาล และให้ถือว่าผู้นั้นได้ทราบคําสั่งนั้นแล้วตั้งแต่ วันที่ปิดคําสั่ง และคําสั่งของผู้อนุญาต จะโฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือโดยวิธีอื่นใดอีกด้วย ก็ได้
89.ผู้ใดถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้วจะขอรับใบอนุญาตใหม่อีกไม่ได้จนกว่า จะพ้นกําหนดสองปีนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
90.คําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือของผู้อนุญาต (เรื่องการแก้ไขภายในกำหนดระยะเวลา การปิดสถานพยาบาลชั่วคราว และการเพิกถอนใบอนุญาต )ผู้ที่ได้รับคําสั่งมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ ทราบคําสั่ง และให้คําวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
91.บทเฉพาะกาล บรรดากฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติ สถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๐๔ และยังใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้จนกว่าจะมีกฎกระทรวงหรือประกาศที่ออก ตามพระราชบัญญัตินี้
และใบอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาล และใบอนุญาตให้ดําเนินการ สถานพยาบาลที่ออกตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๐๔ ให้ถือว่าเป็นใบอนุญาตให้ ประกอบกิจการสถานพยาบาลหรือใบอนุญาตให้ดําเนินการสถานพยาบาลที่ออกตามพระราชบัญญัติ นี้และให้ใช้ได้จนถึงวันสิ้นปีปฏิทินของปีที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ
อัตราค่าธรรมเนียม
๑. ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ฉบับละ หนึ่งพันบาท
๒. ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
ไม่เกิน สิบเตียง ฉบับละ สองพันบาท
เกิน สิบเตียง แต่ไม่เกิน ยี่สิบห้าเตียง ฉบับละ ห้าพันบาท
เกิน ยี่สิบห้าเตียง แต่ไม่เกิน ห้าสิบเตียง ฉบับละ หนึ่งหมื่นบาท
เกิน ห้าสิบเตียง แต่ไม่เกิน หนึ่งร้อยเตียง ฉบับละ สองหมื่นบาท
เกิน หนึ่งร้อยเตียง ฉบับละ สองหมื่นบาท และให้คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นสําหรับที่เกิน หนึ่งร้อยเตียง เตียงละ หนึ่งร้อยบาท
๓.ใบอนุญาตให้ดําเนินการสถานพยาบาล ประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ฉบับละ ห้าร้อยบาท
๔. ใบอนุญาตให้ดําเนินการสถานพยาบาล ประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
ไม่เกิน สิบเตียง ฉบับละ หนึ่งพันบาท
เกิน สิบเตียง แต่ไม่เกิน ยี่สิบห้าเตียง ฉบับละ สองพันห้าร้อยบาท
เกิน ยี่สิบห้าเตียง แต่ไม่เกิน ห้าสิบเตียง ฉบับละ ห้าพันบาท
เกิน ห้าสิบเตียง แต่ไม่เกิน หนึ่งร้อยเตียง ฉบับละ หนึ่งหมื่นบาท
เกิน หนึ่งร้อยเตียง ฉบับละ หนึ่งหมื่นบาท และ ให้คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นสําหรับที่เกิน หนึ่งร้อยเตียง เตียงละ ห้าสิบบาท
๕. การต่ออายุใบอนุญาต ครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประเภทนั้น ๆ แต่ละฉบับ
๖. ใบแทนใบอนุญาตฉบับละ สองร้อยบาท
๗. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขในใบอนุญาต ครั้งละ หนึ่งร้อยบาท
๘. ค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานพยาบาล ปีละ หนึ่งหมื่นบาท
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น